2 โบรกเชียร์ซื้อ HMPRO มองไตรมาส 4/64 ฟื้นเด่นรับเปิดเมือง-ไฮซีซั่น ชูเป้า 16.50 บ.

2 โบรกเชียร์ “ซื้อ” หุ้น HMPRO มองผลงานไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวเด่น ขานรับการเปิดเมือง - ไฮซีซั่น ชูเป้า 16.50 บาท


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตในช่วงไตรมาส 4/64 โดย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ประเมินว่า บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ทั้งรายได้จากการขายและรายได้ค่าเช่า จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้สาขาเปิดให้บริการได้ตามปกติ ทั้งในไทยและมาเลเซีย

โดยเริ่มเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่เดือน ก.ย. ที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงเดือน ต.ค. โดยคาด SSSG ในเดือนต.ค. เติบโตราว 10% จากปีก่อน รวมถึงการเปิดประเทศ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล (ยิ่งใช้ยิ่งได้) การจัดงาน Homepro Super Expo ทั้งในสาขาและออนไลน์ ช่วยกระตุ้นยอดขาย เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ

ขณะที่ไตรมาส 4 ยังเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทมีการปรับราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-5% ตามต้นทุนสินค้า Private Label ที่เพิ่มขึ้นราว 5-10% ในช่วงไตรมาส 4/64 ด้านยอดขายทางออนไลน์ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยในเดือน ต.ค. คิดเป็น 7% ของยอดขาย

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าธุรกิจได้ผ่านจุดสุดของปีแล้ว คาดธุรกิจจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/64 ต่อเนื่องจนถึงปี 2565 จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการเปิดประเทศ รวมถึงการเปิดโฮมโปรสาขาใหม่ 1 สาขาในช่วงไตรมาส 4/64 แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท

ขณะที่บริษัท เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า การคลายล็อกดาวน์ทำให้ SSSG ของทาง HMPRO เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. และเป็นบวกมากกว่า 10% ในเดือน ต.ค. โดยได้ผลบวกจากการจัด HomePro Super Expo ทำให้ยอดขายต่อใบเสร็จและจำนวนลูกค้าเข้าสาขาเพิ่มขึ้น

โดยคาดว่า SSSG จะเร่งตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศในเดือน พ.ย. ประกอบกับเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการขาย รายได้ค่าเช่าจะฟื้นตัวเช่นกันจากที่พื้นที่เช่ากลับมาเปิดตามปกติ คาดว่ากำไรไตรมาส 4/64 จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อนเป็นระดับกำไรสูงสุดของปีและมีโอกาสเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปี 2565 จะกลับไปสูงกว่ากำไรก่อนการระบาดของโควิด โดย HMPRO ได้ทยอยปรับราคาขายสินค้าไปแล้วเฉลี่ย 3-5% และมีโอกาสปรับเพิ่มในปีหน้าตามเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงการปรับราคาสินค้า Private label ซึ่งจะส่งผลบวกต่อ SSSG และอัตรากำไรขั้นต้น HMPRO ยังคาดว่าจะกลับมาขยายสาขามากขึ้นหลังจากชะลอไปในช่วงการระบาดของโควิด ขณะที่ยอดขายทาง E-Commerce ปรับฐานขึ้นมาเป็น 6-7% ของยอดขาย (จาก 5% ในปี 2563) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย (DCF) 16.50 บาท

Back to top button