BH โชว์กำไร Q3 โต 34% แตะ 296 ลบ. รับรายได้ค่ารักษาพุ่ง-ต้นทุนลด

บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

โดยในไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจำนวน 2,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จาก 2,887 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2563 โดยหลักเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยร้อยละ 3.7 หักกลบกับการลดลงของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างประเทศร้อยละ 3.7 เป็นผลให้รายได้จากกล่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57.9 จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกล่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 42.1 ในไตรมาส 3 ปี 2564 เทียบกับร้อยละ 56.1 และร้อยละ 43.9 ตามลำดับในไตรมาส 3 ปี 2563

ขณะที่บริษัทมีต้นทุนกิจการโรงพยาบาล (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) จำนวน 1,814 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.4 จาก 1,859 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2563 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าธรรมเนียมแพทย์ที่ลดลง 52 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีเมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกิจการโรงพยาบาลในอัตราร้อยละ 0.5 เป็นผลให้สัดส่วนของต้นทุนกิจการโรงพยาบาลต่อรายได้จากกิจการโรงพยาบาลลดลงเป็นร้อยละ 62.5 ในไตรมาส 3 ปี 2564 เทียบกับอัตราร้อยละ 64.4 ในไตรมาส 3 ปี 2563

ด้านค่าใช้จ่ายในการขาย (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) จำนวน 73 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จาก 71 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2563 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) จำนวน 740 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2564 ลดลง ร้อยละ 2.2 จาก 757 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2563 เป็นผลส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาซอฟท์แวร์ลดลง 18 ล้านบาท

ขณะที่กําไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีคาเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 เป็น 654 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2564 จาก 533 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 และอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) คิดเป็นร้อยละ 21.9 ในไตรมาส 3 ปี 2564 เทียบกับร้อยละ 18.3 ในไตรมาส 3 ปี 2563

สำหรับเก้าเดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 8,683 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.7 จาก 9,505 ล้านบาท ในเก้าเดือนแรกของปี 2563 กําไรสุทธิในเก้าเดือนแรกของปี 2564 ลดลงร้อยละ 41.5 เป็น 604 ล้านบาท จาก 1,031 ล้านบาท ในเก้าเดือนแรกปี 2563 ส่งผลให้อัตรากําไรสุทธิเป็นร้อยละ 7.0 ในเก้าเดือนแรกของปี 2564 เทียบกับร้อยละ 10.8 ในเก้าเดือนแรกของปี 2563 การลดลงสวนใหญ่เป็นผลกระทบมาจาก COVID-19 ที่เพิ่งเริ่มในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2563