UAC แย้ม Q4 รับรู้รายได้ “บางจากไบโอฟูเอล” กว่า 100 ลบ. จ่อปิดดีลเพิ่ม 1-2 โปรเจ็กต์
UAC แย้ม Q4 รับรู้รายได้จาก “บางจากไบโอฟูเอล” BBF หรือ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 30% คิดเป็นมูลค่า 105.56 ลบ. จ่อปิดดีลเพิ่ม 1-2 โปรเจ็กต์ ต่อยอดธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 1,130.78 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.52 % เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 192.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.54% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 163.55 ล้านบาท โดยมี Gross Margin ที่ระดับ 17.31% ส่งผลให้ EBITDA งวด 9 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ระดับ 322.14 ล้านบาท
ส่วนไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 420.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.32 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 276.39 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 58.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32.23 ล้านบาท
สำหรับการเติบโตอย่างโดดเด่นของผลการดำเนินงานในงวดที่ผ่านมานั้น หลักๆ มาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นในรายได้ของบริษัท UAPC บริษัทย่อยในเครือ UAC Group ซึ่งทำธุรกิจด้านการผลิตและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์จำพวก Latex Emulsion นอกจากนั้นธุรกิจเทรดดิ้งสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย ทำให้กลุ่ม UAC มีกำไรขั้นต้นรวม 63.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กว่า 52.71% รวมถึงการฟื้นตัวด้านวัตถุดิบของการผลิตของโรงงาน PPP ซึ่งนำไปสู่การจำหน่ายที่มากขึ้นของก๊าซเชื้อเพลิง C1 ก๊าซหุงต้ม (LPG) และก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL) โดยในปัจจุบันโรงงาน PPP และโรงไฟฟ้าเสาเถียร ได้รับก๊าซธรรมชาติจาก ปตท สผ. เพิ่มขึ้นกว่า 1.2 MMSCFD
นอกจากนี้ ในไตรมาส 4/2564 บริษัทฯ จะมีการรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไร จากบริษัทร่วมทุน บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด หรือ BBF ตามสัดส่วนการถือหุ้น 30% เข้ามาในอัตราหุ้นละ 125 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 105.56 ล้านบาท ซึ่งได้ประโยชน์จากการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจำหน่าย และราคาขายเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น ตามความต้องการใช้นำมันดีเซลในภาคการขนส่ง และภาคการเกษตร ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบในช่วงที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับสูงขึ้น
ขณะที่ภาพรวมในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยการนำ Business model ใหม่ อาทิ การทำ Consulting Service พร้อมทั้งพยายามรักษาการให้บริการและฐานะลูกค้าให้ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพิจารณาการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ภายใต้นโยบายการลงทุนด้าน Energy Efficiency และ Bio Circular Economy ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV
“ในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการลงทุนเพิ่มอย่างน้อย 1-2 โครงการ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ ซึ่งจะมีทั้งในส่วนของการต่อยอดการในส่วนของธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และการนำ Business model ไปต่อยอดจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่เตรียมดำเนินการอยู่ในขณะนี้” นายชัชพล กล่าว
ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ประจำปี 2564 จากสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และยังได้รับรางวัล หุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment หรือ THSI เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในระดับชุมชนไปจนถึงระดับโลก และมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการเป็นพันธมิตรกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมเสมอมา