สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 พ.ย. 2564

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 พ.ย. 2564


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (5 พ.ย.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งในสหรัฐ และข้อมูลเชิงบวกจากการทดลองยาเม็ดต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,327.95 จุด เพิ่มขึ้น 203.72 จุด หรือ +0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,697.53 จุด เพิ่มขึ้น 17.47 จุด หรือ +0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,971.59 จุด เพิ่มขึ้น 31.28 จุด หรือ +0.20%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (5 พ.ย.) และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเดินทาง หลังบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐเปิดเผยความคืบหน้าในเชิงบวกเกี่ยวกับยารักษาโรคโควิด-19 และนักลงทุนยังคงได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 483.44 จุด เพิ่มขึ้น 0.23 จุด หรือ +0.05% และปรับตัวขึ้น 1.70% ในรอบสัปดาห์นี้ โดยปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,040.79 จุด เพิ่มขึ้น 53.00 จุด หรือ +0.76%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,054.36 จุด เพิ่มขึ้น 24.71 จุด หรือ +0.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,303.96จุด เพิ่มขึ้น 24.05 จุด หรือ +0.33%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (5 พ.ย.) ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน ขณะที่หุ้นไอเอจี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ พุ่งขึ้นจากความหวังในการฟื้นตัว แม้เตือนเกี่ยวกับการขาดทุนครั้งใหญ่ในปีนี้ก็ตาม

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,303.96 จุด เพิ่มขึ้น 24.05 จุด หรือ +0.33% และปรับตัวขึ้น 1% ในสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว หลังจากที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. แม้ว่าสหรัฐกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันก็ตาม

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.46 ดอลลาร์ หรือ 3.10% ปิดที่ 81.27 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลงเกือบ 2.80% ในรอบสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ หรือ 2.70% ปิดที่ 82.74 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 1.20% ในรอบสัปดาห์นี้

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ดีกว่าคาด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 23.30 ดอลลาร์ หรือ 1.30% ปิดที่ 1,816.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้นราว 1.80% ในรอบสัปดาห์นี้

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 24.60 เซนต์ หรือ 1.03% ปิดที่ 24.157 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 6.50 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 1,035.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 31.20 ดอลลาร์ หรือ 1.60% ปิดที่ 2,027.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) หลังจากที่นักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนต.ค.ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.03% แตะที่ 94.3267 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.40 เยน จากระดับ 113.73 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9126 ฟรังก์ จากระดับ 0.9127 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2457 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2460 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1549 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1553 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.3480 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3493 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าสู่ระดับ 0.7393 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7399 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Back to top button