NER มั่นใจรายได้ตามเป้า 2.4 หมื่นล. โชว์ออเดอร์ยาวถึงปี 65
NER ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2.4 หมื่นล้านบาท และปริมาณขายที่ 4.4 แสนตัน รองรับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศและในประเทศ พร้อมโชว์ออเดอร์ล่วงหน้ายาวถึงปี 65
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 440.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 287.99 ล้านบาท คิดเป็น 189.07% โดยมีรายได้จากการขายรวม 7,153.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,816.27 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64.94% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 4,172.20 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 58.33% ของยอดขายรวม และรายได้จากการขายต่างประเทศ 2,980.87 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 41.67%
สำหรับงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 1,245.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 808.52 ล้านบาท คิดเป็น 184.97% กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.76 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.28 บาท โดยมีรายได้จากการขายรวม 18,405.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,422.16 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84.36% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 11,741.08 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.79% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 5,692.86 ล้านบาท คิดเป็น 94.12% และรายได้จากการขายต่างประเทศ 6,664.63 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.21% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 2,729.30 ล้านบาท คิดเป็น 69.35%
ด้านปริมาณขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตในส่วนโรงงานยางแท่ง แห่งที่ 2 ส่งผลให้มีปริมาณการขายสำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ 345,474 ตัน เพิ่มขึ้น 111,849 ตัน คิดเป็น 47.88% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 3/64 สูงขึ้น
ส่วนภาพรวมธุรกิจของปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท และปริมาณขายที่ 4.4 แสนตัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และรองรับกลุ่มลูกค้าจาก จีน สิงคโปร์ อินเดีย และ กำลังซื้อจากภายในประเทศ อีกทั้งปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้าไปถึงปี 65 แล้ว
นอกจากนี้บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะเห็นภาพรวมความต้องการใช้ยางพาราทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 65 จากความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมยานยนต์ และการขนส่ง ทั้งนี้ทั่วโลกให้ความสนใจต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการลดและงดใช้ยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่เป็นตัวการสำคัญของก๊าซเรือนกระจก ไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใช้พลังงานสะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และรถยนต์พลังงานเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนทั่วโลกมียอดขายที่เพิ่มขึ้น
ด้านธุรกิจปลายน้ำในปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากแผ่นยางปูรองนอนวัวประมาณ 500 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 20% ซึ่งจะหนุนให้บริษัทมีทิศทางกำไรสุทธิเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และเติบโตในระยะยาว