BANPU รายได้ถ่านหิน-ก๊าซ ทะลัก หนุน Q3 พลิกกำไร 3.51 พันลบ.
BANPU โชว์งบ Q3 เด่น! พลิกกำไร 3.51 พันลบ. รับผลพ่วงรายได้ธุรกิจถ่านหิน-ธุรกิจก๊าซทะลัก พร้อมกับรู้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน ดันงวด 9 เดือนแรกพลิกมีกำไร 6.37 พันลบ.
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2564 ดังนี้
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 บริษัทฯ รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 106 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 3,505.04 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกมามีกำไรจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 516.49 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลจากการปรับตัวที่สูงขึ้นของราคาตลาดถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจึงส่งผลดีในภาพรวมต่อกลุ่มบริษัท รวมถึง การรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินสกุลบาทต่อเงินสกุลเหรียญสหรัฐ
โดยรายได้จากธุรกิจถ่านหิน จำนวน 870 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75 ของรายได้รวม โดยแยกเป็นแหล่งผลิตดังนี้ 1.แหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 656 ล้านเหรียญสหรัฐ 2. แหล่งผลิตในประเทศออสเตรเลีย 188 ล้านเหรียญสหรัฐ และแหล่งผลิตอื่นๆ จำนวน 26 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้สำหรับไตรมาส 3 ปี 2564 จำนวน 5.82 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.51 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการ ถ่านหินของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น จากการฟื้นตัวของสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศ ทำให้มีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการผลิตและการ บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น
พร้อมกับรายได้จากธุรกิจก๊าซในสหรัฐอเมริกา จำนวน 231 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของรายได้รวม อย่างไรก็ดีรายได้ส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจำนวน 220 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาจากการรับรู้ รายได้จากการขายในแหล่งบาร์เน็ตต์ (Barnett) ที่บริษัทฯ เข้าซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวใน ไตรมาส 4 ปี 2563
นอกจากนี้ยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมจำนวน 64 ล้านเหรียญ สหรัฐ เพิ่มขึ้น 32 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) รับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าหงสาและเหมืองภูไฟในสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาวจำนวน 22 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบ กับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เกิดจากผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น จำนวน 4 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ผลประกอบการลดลง จำนวน 2 ล้าน เหรียญสหรัฐ เป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงของหน่วยผลิตที่ 1 และหน่วยผลิตที่ 3 ซึ่งเป็นไปตามแผน
2) รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนของโรงไฟฟ้า BLCP จำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4 ล้านเหรียญสหรัฐ สำเหตุหลักมาจากการผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการอ่อนค่าของเงินสกุลบาทต่อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการรับรู้ค่าใช้จ่าย ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐ และผล ประกอบการลดลง จำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นไปตามโครงสร้างรายได้ที่ ลดลงตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว
3) การรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากโรงไฟฟ้า SLG จำนวน 7 ล้านเหรียญหสรัฐ ขาดทุน เพิ่มขึ้นจำนวน 9 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าโรงไฟฟ้า SLG ได้เริ่มเดินเครื่องเพื่อผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับ สายส่งหลักของสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว แต่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนถ่าน หินในประเทศในระดับสูง
4) รับรู้ส่วนแบ่งกำไรของเหมืองถ่านหินในประเทศจีน จำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายที่เพิ่มขึ้นตามราคา ตลาดของถ่านหิน