DOHOME ลุ้นผลงาน Q4 สดใส หลังเปิดสาขาครบ หนุนกำไรทั้งปีทะลุ 1.8 พันลบ.
โบรกมอง DOHOME ไตรมาส Q4/64 สดใส หลังกลับมาเปิดให้บริการทุกสาขา หนุนกำไรทั้งปีทะลุ 1.8 พันลบ. พร้อมแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้า 29 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นบริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME โดยกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 เท่ากับ 340 ล้านบาท ลดลง 43.4% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 81.3% จากปีก่อน ใกล้เคียงที่คาดไว้ 335 ล้านบาท ยังเติบโตจากปีก่อนจากฐานต่ำ (ทั้งราคาเหล็ก และจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น 4 สาขา) โดยมี SSSG บวกต่อเนื่อง 14.9% จากปีก่อน แต่เป็นกำไรลดลงจากไตรมาสก่อน
ส่วนหนึ่งเพราะถูกกระทบจาก COVID ต้องมีการปิดให้บริการหน้าร้าน 2 สาขา และ อีก 3 สาขาถูกปิดบางโซน และยังเป็น Low Season ของธุรกิจ ทำให้รายได้รวมไตรมาส 3/64 ลดลง 5.2% จากไตรมาสก่อน และด้วยผลของการปิดหน้าร้าน ทำให้ Product Mix เปลี่ยนไป สัดส่วนสินค้ามาร์จิ้นดีอย่างกลุ่มซ่อมแซม ตกแต่งลดลง
ขณะที่กลุ่มก่อสร้างขยับขึ้น ยังมาจากรายได้เหล็กที่สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของรายได้ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นรวมลดลงเป็น 19.6% จาก 22.7% ในไตรมาส 2/64 แต่ยังสูงกว่า 16.8% ในไตรมาส 3/63 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายยังเร่งตัวขึ้น 7.7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 35.5% จากปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่, ค่าวัคซีน และโบนัสพิเศษให้กับพนักงาน ส่งผลให้ SG&A to Sale ขยับขึ้นเป็น 12% จาก 10.6% ในไตรมาส 2/64 และ 11.3% ในไตรมาส 3/63
ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีเท่ากับ 1,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 80% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/64 จะกลับมาฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน จากการกลับมาเปิด ให้บริการหน้าร้านได้ครบทุกสาขาอีกครั้ง ล่าสุด SSSG 4 ไตรมาสก่อนหน้าพุ่งแรง 40% จากกปีก่อน จาก Pent-up Demand ที่เลื่อนมาจากไตรมาสก่อน และได้อานิสงส์น้ำท่วมเล็กน้อย และคาดไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษมากเหมือนในไตรมาส 3/64 อีก กอปรกับยังมีแผนเปิดอีก 2 สาขาใหม่ในเดือน พ.ย. (อมตะ ชลบุรี) และ ธ.ค. (สุราษฎร์ธานี) จะทำให้สิ้นปี 2564 บริษัทมีจำนวนสาขาขนาดใหญ่ 16 สาขา และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องอีก 5 สาขาในปี 2565 รวมถึงมีเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand เป็น 20% ในปี 2565 จาก 16% ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564
อย่างไรก็ตาม ด้วยฐานที่สูงในปี 2564 และเชื่อว่าราคาเหล็กน่าจะทรงถึงอ่อนตัวลงหลังจากที่ปรับขึ้นแรงในช่วงปีที่ผ่านมา ดังนั้นยังคง ประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-65 ตามเดิมที่ 1,864 ล้านบาท โต 156.5% จากปีก่อน และ 1,968 ล้านบาท โต 5.6% จากปีก่อน และคงราคาเป้าหมายที่ 29 บาท