โบรกฯแนะ ”ถือ” RT เป้า 2.20 บ. ลุ้นผลงาน Q4 ฟื้นรับเปิดแคมป์ก่อสร้าง

โบรกฯยังแนะ ”ถือ” RT ราคาเป้าหมาย 2.20 บ. ลุ้นผลงานไตรมาส 4/64 ฟื้นหลังกลับมาก่อสร้างได้เป็นปกติ ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นบริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ที่ 11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 83% จากปีก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษจากการโอนกลับค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 18 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ล้านบาท ผลประกอบการหลักจะพลิกเป็น ขาดทุน 8 ล้านบาท เทียบกับกำไรในไตรมาส 2/64 ที่ 6 ล้านบาท และไตรมาส 3/63 ที่ 57 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าคาด

โดยสาเหตุหลักจากผลกระทบมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง 1 เดือนที่มากกว่าคาด โดยรายได้ทำได้ 592 ล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 10% จากปีก่อน หลังงานที่อยู่ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลหยุดก่อสร้าง ส่วนใหญ่เป็นงานท่อรายสายไฟใต้ดิน ซึ่งคิดเป็น 10-20% ของงานอยู่ระหว่างทำ

รวมถึงถูกฉุดจากอัตรากำไรขั้นต้นปรับลงเหลือ 10.5% จาก 13.9% ในไตรมาส 2/64 และ 21.9% ในไตรมาส 3/63 จากผลของการหยุดก่อสร้างที่มีต้นทุนคงที่อย่างค่าแรงคนงานและค่าเสื่อม รวมถึงฐานสูงในไตรมาส 3/63 มีการรับรู้หลักจากรถไฟทางคู่มาบกะเบา-จิระซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม ปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2564-65 ลง 34% และ 15% เป็น 70 ล้านบาท ลดลง 70% จากปีก่อน และ 184 ล้านบาท โต 162% จากปีก่อน

โดยปรับสมมติฐานหลักจากอัตรากำไรขั้นต้นลดเป็น 13.8% – 15.0% จากเดิม 15.0 – 16.6% ตามลำดับ สะท้อนปีนี้ที่มีผลกระทบปิดแคมป์ ส่วนปีหน้าสะท้อนงานใหม่ที่มาร์จิ้นต่ำลง

อย่างไรก็ดีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/64 คาดเร่งขึ้นและกลับมามีกำไรหลังกลับมาก่อสร้างได้เป็นปกติ ท่ามกลาง COVID-19 คลี่คลาย โดยเป็นการเร่งงานเดิมที่อยู่ในช่วงท้ายโครงการอย่างรถไฟทางคู่มาบกะเบา-จิระและอุโมงค์ผันน้ำที่กัมพูชา ซึ่งกำหนดส่งมอบไตรมาส 1/65 รวมถึงอุโมงค์ส่งน้ำแม่แตงที่ส่งมอบปลายปีหน้า

นอกจากนี้ เริ่มรับรู้รายได้จากงานใหม่ที่ประกาศรับในเดือนก.ย.-ต.ค. จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท อย่างงานทางหลวง 42 อ.นาทวี, ปรับปรุงดินฐานรากอ่างเก็บน้ำมรสวบ และอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์

ทั้งนี้ ปรับลดราคาเหมาะสมปี 2565 จากเดิม 2.50 บาท เป็น 2.20 บาท (อิง PER เดิม 13 เท่า) สะท้อนการปรับประมาณการลงราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เหลือไม่มาก บวกกับระยะสั้นหุ้นอาจถูกกดดันจากงบไตรมาส 3/64 ที่อ่อนแอกว่าคาดมาก จึงปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ

โดย Key Catalyst คือ ความชัดเจนของการรับงานใหม่ โดยเฉพาะงาน Sub-contract อุโมงค์โครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งคาดมีความคืบหน้าภายหลังผู้รับเหมาหลักคาดเซ็นสัญญาในไตรมาส 4/64

ขณะที่ Key Risk คือการขาดแคลนแรงงาน และมาร์จิ้นงานใหม่ต่ำกว่าคาด ทั้งนี้ บริษัทจะมี ประชุม Opp. Day วันที่ 9 ธ.ค.นี้

Back to top button