ICHI ลุ้น Q4 ฟื้นรับโควิดคลี่คลาย หนุนกำไรปีนี้โตแตะ 567 ลบ.

“ฟินันเซีย” มอง ICHI กำไรไตรมาส 4 ฟื้น หลังโควิดคลี่คลาย หนุนกำไรปีนี้แตะ 567 ลบ. แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บ.


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (11 พฤศจิกายน 2564) โดยประเมิน บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ว่า บริษัทฯ ได้รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 เท่ากับ 128 ล้านบาท ลดลง 21.90% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 4.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงคาดกับที่ทางฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ 126 ล้านบาท

โดยสาเหตุที่กำไรลดลงจากไตรมาสก่อน นอกจากเป็น Low Season ของธุรกิจแล้ว ยังถูกกระทบจาก COVID ทั้งในประเทศ และ CLMV โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างกัมพูชา ทำให้รายได้ในประเทศลดลง 23% จากไตรมาสก่อน และลดลง 2.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และรายได้ส่งออกลดลง 18.50% จากไตรมาสก่อน และลดลง 17.10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตอ่อนตัวลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลงเป็น 20.10% จาก 21.30% ในไตรมาส 2/2564 แต่ยังสูงกว่า 19.70% ในไตรมาส 3/2563

ทั้งนี้ด้วยสถานการณ์กำลังซื้อที่ไม่สดใส บริษัทฯ จึงได้คุมค่าใช้จ่ายเข้มงวดต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายลดลง 30.40% จากไตรมาสก่อน และลดลง 10.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำให้สัดส่วน SG&A to Sale ลดลงเป็น 8% จาก 8.90% ในไตรมาส 2/2564 และ 8.50% ในไตรมาส 3/2563 สำหรับสิ่งที่ดีในไตรมาสนี้คือ ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมในอินโดนีเซียยังโตต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 3.40% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 13.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ในประเทศจะมีปัญหา COVID แต่เครื่องดื่ม Brown Sugar ได้รับการตอบรับที่ดีมาก และช่วยหนุนให้รายได้และกำไรของบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นได้ตามเป้า

ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 เท่ากับ 414 ล้านบาท ลดลง 3.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 73% ของประมาณการทั้งปี คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2564 น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ แต่อาจยังไม่ตื่นเต้นนัก เพราะปกติเป็น Low Season ของธุรกิจ ทั้งนี้เชื่อว่ากำไรจะกลับมาสดใสมากขึ้นในครึ่งปีแรก 2565 เพราะนอกจากการฟื้นตัวตามสถานการณ์ COVID ที่ดีขึ้นแล้ว อีกทั้งยังคาดว่าบริษัทฯ จะกลับมาออกสินค้าใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ CBD จากกัญชง

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยคาด ICHI น่าจะเป็นบริษัทแรกๆในตลท. ที่จะได้รับวัตถุดิบจาก RBF และยังมีลูกค้า OEM ที่มีแผนออกสินค้าใหม่หลาย SKU ในปี 2565 ซึ่งเลื่อนมาจากปี 2564 โดยเชื่อว่าจะได้เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งในส่วนของรายได้และอัตรากาไรขั้นต้น ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ไว้ที่ 567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิในปี 2565 ไว้ที่ 678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และแนะนำ “ซื้อ” โดยคงราคาเป้าหมายที่ 13 บาท (อิงค่า PE เดิมที่ 25 เท่า)

Back to top button