โบรกฯมอง KCE กำไร Q4 “ออลไทม์ไฮ” 700 ลบ.รับออเดอร์แน่น แนะ “ซื้อ” เป้า 100 บาท
ฟินันเซียฯ มอง KCE กำไรไตรมาส 4/64 “ออลไทม์ไฮ” แตะ 700 ลบ. รับคำสั่งซื้อแกร่งครอบคลุมถึงครึ่งปีแรกของปี65 มั่นใจธุรกิจโตเด่น โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” เป้า 100 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (11พ.ย.64) ประเมินเกี่ยวกับหุ้นบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE โดยมองกำไรสุทธิ ไตรมาส 3 ปี 2564 เท่ากับ 604 ล้านบาทลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและเพิ่ม141.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนสะดุดตัวลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เล็กน้อย มาจากปัญหาแรงงานติดเชื้อ ทำให้ต้องหยุดสายการผลิตที่โรงงานอยุธยาชั่วคราว 10 วัน และถูกกระทบจาก Container Shortage ทำให้รายได้ PCB ปรับลง ลดลง1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าแต่ได้บาทอ่อนค่าและต้นทุนทองแดงที่ปรับลงเข้ามาช่วยหักล้าง ประกอบกับค่าใช้จ่ายลดลงมากกว่าคาด
โดย ลดลง 13.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าทำให้ SG&A to Sale อยู่ในระดับต่ำเพียง 10.4% จากปกติอยู่ที่ 12%-13% แต่มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน ไตรมาส 3 ปี 2564 ล่าสุดทุกโรงงานกลับมา Operate ได้เต็มที่อีกครั้ง
ด้านนักวิเคราะห์ได้คาดกำไร ไตรมาส 4 ปี 2564 จะกลับมาฟื้นตัวอยู่ที่ราว 700-720 ล้านบาท โตดีทั้ง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอาจเป็นจุดสูงสุดใหม่ ภายหลังกลับมา Operate โรงงานได้ปกติ ไม่มีปัญหา Labor Shortage และอยู่ระหว่างเร่งขยายกำลังการผลิตส่วนเพิ่มทั้ง 2 โรงงาน ลาดกระบังและอยุธยาเพื่อให้รองรับคำสั่งซื้อได้ทันใน ไตรมาส 4 ปี 2564 ที่จะเพิ่มขึ้นราว 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัวในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ดีหลังจากประโยชน์จาก Economies of Scale กลับมาอีกครั้ง เบื้องต้นนักวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิปี 2564 ไว้ตามเดิมที่ 2,480 ล้านบาท เพิ่ม 120% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อาจมี Downside เล็กน้อย 2%-3%
นอกจากนี้ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ในปี 2565 เติบโตสูงราว 15%-20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีคำสั่งซื้อในมือครอบคลุม ครึ่งปีแรกของปี 2565 ปัจจุบันบริษัทเผชิญปัญหาผลิตไม่ทัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ดี เพราะคำสั่งซื้อยังแข็งแกร่ง และมีบางส่วนถูกเลื่อนออกมาจากปี 2564 จากปัญหา Container Shortage ของลูกค้า
ทั้งนี้จากสถานการณ์โดยรวมที่ดีขึ้นชัดเจน อาทิ COVID คลี่คลายและราคาทองแดงเริ่มอ่อนตัวลง และยังไม่เห็นผลกระทบจาก Chip Shortage ในขณะที่คาดจะใช้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มได้เต็มที่ตั้งแต่ ไตรมาสแรกของปี 2565 จึงคาดเห็นการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นเร่งตัวขึ้นในทุกไตรมาสของปี 2565 ดังนั้นนักวิเคราะห์ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 เติบโตดีต่อเนื่อง เพิ่ม 35% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 3,343 ล้านบาท
คงราคาเป้าหมายที่ 100 บาท อิง PE เดิม 35 เท่า