สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 พ.ย. 2564
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 พ.ย. 2564
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 36,000 จุดเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,921.23 จุด ลดลง 158.71 จุด หรือ -0.44%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,649.27 จุด เพิ่มขึ้น 2.56 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,704.28 จุด เพิ่มขึ้น 81.58 จุด หรือ +0.52%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นขานรับข่าวบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 485.29 จุด เพิ่มขึ้น 1.53 จุด หรือ +0.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,059.55 จุด เพิ่มขึ้น 14.39 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,083.11 จุด เพิ่มขึ้น 15.28 จุด หรือ +0.10% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,384.18 จุด เพิ่มขึ้น 44.03 จุด หรือ +0.60%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) แตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 20 เดือน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นหลังมีรายงานว่าบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปของจีนสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,384.18 จุด เพิ่มขึ้น 44.03 จุด หรือ +0.60%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันพุธ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันปรับตัวในกรอบแคบ ๆ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลสหรัฐอาจระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในประเทศ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 81.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 82.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเดินหน้าเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 15.6 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดที่ระดับ 1,863.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 2564
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 52.9 เซนต์ หรือ 2.14% ปิดที่ 25.301 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 17.5 ดอลลาร์ หรือ 1.62% ปิดที่ 1,094.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 23.70 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 2,062.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยดอลลาร์ยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.35% แตะที่ 95.1764 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.09 เยน จากระดับ 113.80 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9219 ฟรังก์ จากระดับ 0.9179 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2579 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2496 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1446 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1483 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3365 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3414 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7293 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7332 ดอลลาร์สหรัฐ