HANA พุ่ง “ออลไทม์ไฮ” รับ Q3 กำไรโต 76% ยอดขายทะลัก-บาทอ่อนหนุน โบรกฯอัพเป้า 105 บ.
HANA พุ่งแรง “ออลไทม์ไฮ” อานิสงส์ไตรมาส 3 โชว์กำไรโต 76% รับยอดขายทะลัก-บาทอ่อนหนุน โบรกฯเชียร์ซื้อ มองโตต่อเนื่อง คาดกำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 2,456 ลบ. ปรับเป้าขึ้นเป็น 105 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 15 พ.ย. 2564 ราคาหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ณ เวลา 10:48 น. อยู่ที่ระดับ 91.25 บาท บวกไป 4.75 บาท หรือขึ้นไป 5.49% โดยทำจุดสูงสุด 92.00 บาท และทำจุดต่ำสุด 87.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 516.51 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทำออลไทม์ไฮ
สืบเนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงตอบรับผลการดำเนินงานออกมาอย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 563.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 320.05 ล้านบาท
ทั้งนี้โดยหากหักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษอื่นออก core profit อยู่ที่ 701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามคาดนักวิเคราะห์คาด จาก 1) รายได้สกุลเงินบาทอยู่ที่ 6,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้สกุล USD อยู่ที่ 190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 23% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เติบโตจากยอดขายในทุกหน่วยงานที่เติบโตได้ดีทั้งหมดโดยเฉพาะจากหน่วยงานที่ประเทศจีนในส่วนของ ธุรกิจ IC ที่มีอัตราการเติบโตในระดับสูง
รวมถึงในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ได้อานิสงส์จากบาทอ่อน และ 2) Gross margin ยังทรงตัวในระดับสูงที่ 15.6% จากเงินบาทอ่อนค่าและ economies of scale (ในไตรมาส 3 ปี 2563 อยู่ที่ 16.8%, และไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 1.9%)
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,601.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.81% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,206.06 ล้านบาท
นอกจากนี้ทาง บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า จากการคลี่คลายของโควิด-19 และความต้องการชิ้นส่วน electronic ที่ยังแข็งแกร่ง โดยบริษัทจะมีกำลังการผลิตที่โรงงานอยุธยาเพิ่มขึ้นอีก 25% ขณะที่ในปี 2565 บริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตในธุรกิจต่างประเทศเพิ่มเติม แบ่งเป็นในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 จะเพิ่มกำลังการธุรกิจ IC ที่ประเทศจีนขึ้นอีก 1 เท่าตัว และในช่วงกลางปี 2565 จะซื้อโรงงานที่อเมริกาและย้ายไปที่ใหม่จากปัจจุบันที่เช่า อยู่เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ RFID Tags ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตที่อเมริกาเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว โดยคาดว่าจะใช้เงินราว 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อีกทั้งทางฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 2,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 เพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่ 2,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จาก 1)ปรับ gross margin 2565 ขึ้นเป็น 15.0% จาก 14.5% สะท้อนแนวโน้ม product mix ของธุรกิจ high margin ที่มากขึ้นในปี 2565 (2) คงประมาณการรายได้ปี 2564 อยู่ที่ 23,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2565 อยู่ที่ 28,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ดังนั้นปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 105.00 บาท แนะนำ “ซื้อ”