TRUE โดนค่าเสื่อม-ใช้จ่ายใบอนุญาต ฉุดไตรมาส 3 ขาดทุน 602 ลบ.
TRUETRUE โดนค่าเสื่อม-ใช้จ่ายใบอนุญาตคลื่นความถี่ ฉุดไตรมาส 3 ขาดทุน 602 ลบ. จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 104 ลบ. ด้วยมีการบันทึกกำไรจากการขายหน่วยลงทุนในกองทุน DIF ประมาณ 1.5 พันลบ.
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ดังนี้
โดย TRUE ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 รายงานผลขาดทุนสุทธิเนื่องจากรายได้จากการให้บริการ 26,187 ล้านบาท อ่อนตัวลงร้อยละ 1.1 จากงวดในไตรมาส 3/2563 จากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิต 19 ที่มีความเข้มงวดมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ทำให้กดดันรายได้ของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินและเพย์ทีวีของทรูวิชั่นส์ ขณะที่ฐานผู้ใช้บริการทั้งธุรกิจ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G บรอดแบนด์และดิจิทัล เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สร้างศักยภาพการเติบโตให้กับกลุ่มทรูต่อไป
อย่างไรก็ตามการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กรส่งผลบวกต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลักลดลงร้อยละ 8.0 ผลักดัน ให้ EBITDA เติบโตร้อยละ 7.6 จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เป็น 14,366 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษี (EBIT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 2,939 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2564
โดยขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯเป็น 602.80 ล้านบาท เทียบกับกำไรจำนวน 104.2 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งมีการบันทึกกำไรจากการขายหน่วยลงทุนในกองทุน DIF ประมาณ 1.5 พันล้านบาท หากไม่ร่วมรายการนี้ ผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 57 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน
นอกจากนี้ยังมีส่วนของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายขาดทุนจำนวน 1.14 หมื่นล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน จากการขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านความจุและความครอบคลุม โดยเฉพาะเครือข่าย 5G ในย่านสำคัญใน 77 จังหวัด ในขณะที่ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตการใช้งานคลื่นความถี่ 700MHz และ 26GHz ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายเครือข่ายและการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ใบอนุญาตใช้งานคลื่นความถี่ของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และดอกเบี้ย ส่งผลให้กลุ่มทรูรายงานผลขาดทุนสุทธิจำนวน 602.80 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2564