WFX ปักธงเข้า SET ไตรมาส 4 ระดมทุนขยายฐาน หนุนกำลังผลิตเพิ่ม
WFX คาดระดมทุนและเข้า SET ไตรมาส 4/64 ชูจุดเด่นประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี สินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน ทีมขายสื่อสารลูกค้าได้มากกว่า 10 ภาษา เข้าถึงลูกค้ากว่า 50 ประเทศทั่วโลก
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ฝ่ายวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX คาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 142 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น คิดเป็น 30.59% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายในไตรมาส 4/64 โดยจะเข้าซื้อขายในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดธุรกิจ แฟชั่น
“มั่นใจว่าหุ้น WFX ที่เตรียมระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาส 4/64 จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี เนื่องจาก WFX เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดเจ้าแรกของประเทศไทยและรายใหญ่ระดับภูมิภาคที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเงินที่ได้ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้เพื่อลงทุนขยายกำลังการผลิตซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้น 12,400 ตัน/ปี หรือเพิ่มขึ้น 28% จากกำลังการผลิตติดตั้ง ณ 30 มิถุนายน 2564 สามารถรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมถึงโอกาสในการขยายตลาดใหม่ๆในอนาคต เพิ่มโอกาสในการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัทฯ ตามแผนกลยุทธ์ใหม่ที่บริษัทวางไว้เมื่อ 3 ปีก่อน” นายรัฐชัย กล่าว
ทั้งนี้ WFX ได้กำหนดสัดส่วนการกระจายหุ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TRUBB) ตามสัดส่วนการถือหุ้น TRUBB (Pre-emptive Right) จำนวนไม่เกิน 11,360,000 หุ้น 2.เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 14,200,000 หุ้น และ 3.เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 116,440,000 หุ้น
นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ WFX กล่าวว่า จากจุดแข็งของบริษัทฯที่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้มีความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าทางธุรกิจ รวมไปถึงสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายมีคุณภาพตรงกับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งสามารถนำไปใช้ได้ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
อาทิ เฟอร์นิเจอร์ การแพทย์ สิ่งทอ และถุงเท้า เป็นต้น โดยบริษัทฯมีทีมขายที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ สามารถสื่อสารลูกค้าได้มากกว่า 10 ภาษา ให้บริการและเข้าถึงลูกค้ากว่า 50 ประเทศทั่วโลก และบริษัทฯมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกโดยประเทศเป้าหมายที่มองไว้คือ บังคลาเทศและปากีสถาน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสามารถจะเติบโตได้อีกมาก
สำหรับแผนการระดมทุนในครั้งนี้ จะแบ่งออกเป็นสามส่วนหลักๆ คือใช้เป็นเงินทุนในการขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดโดยมีแผนการขยายกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และการคืนหนี้สถาบันการเงินบางส่วน ทำให้เห็นโอกาสการเติบโตของฐานรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถสำหรับการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในอนาคต สนับสนุนรายได้และกำไรเติบโตอย่างยั่งยืน
“ปัจจุบัน WFX มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 35,000 ตัน/ปี ส่วนโครงการในอนาคตจะขยายกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มอีก 12,400 ตัน/ปี แต่การขยายกำลังการผลิตจะแบ่งออกเป็นสองเฟส โดยเฟสที่ 1 กำลังการผลิตประมาณ 6,200 ตัน คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม 2565 ส่วนเฟสที่ 2 มีกำลังการผลิตประมาณ 6,200 ตันคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2566″นายณัฐ กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของ WFX ล่าสุด ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 1,622.08 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 95.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าจำนวน 48.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 104.47 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้งเพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากฐานลูกค้าเดิม และรองรับการขยายฐานลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ของเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้งซึ่งเป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น สายคล้องหน้ากากผ้า ยางยืดขอบชุด PPE และหมวกคลุมผมทางการแพทย์ เป็นต้น
อนึ่ง WFX ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืด (Rubber Thread) ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้ง (Talcum Rubber Thread) และเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบซิลิโคน (Silicone Rubber Thread) ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด ตั้งอยู่ในอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง