โบรกฯลดคำแนะนำ TVO เหลือ “ถือ” เซ่นผลงาน Q4 อ่อนตัว หลังต้นทุนพุ่ง-โลว์ซีซั่น
“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” คำแนะนำ TVO เหลือ “ถือ” รับปันผล เซ่นผลงาน Q4 อ่อนตัว หลังต้นทุนพุ่ง-โลว์ซีซั่นจากการปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักร ราคาเป้า 32 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (17 พ.ย.64) เกี่ยวกับ บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO คาดกำไรไตรมาส 4/64 จะอ่อนลงต่อทั้งจากไตรมาสก่อน และปีก่อน แม้ราคาขายจะยังดีต่อเนื่อง ทั้งกากถั่วเหลือง และน้ำมันถั่วเหลืองที่ได้อานิสงส์จากภาวะการเลี้ยงสัตว์ที่ดีขึ้น และภาวะน้ำมันปาล์มขาดแคลน ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มปรับตัวสูงขึ้น ช่วยหนุนให้สินค้าทดแทนอย่างน้ำมันถั่วเหลืองปรับขึ้นตาม แต่คาดถูกหักล้างด้วย 2 ประเด็นคือ
1) ต้นทุนเมล็ดถั่วเหลืองที่ยังปรับขึ้นต่อ +10% จากไตรมาสก่อน มาจากทั้งสต็อกราคาสูงที่ซื้อไว้ในช่วงก่อนหน้า กอปรกับค่าเงินบาทอ่อนค่า ยิ่งงทำให้ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น และ 2) ปกติช่วงไตรมาส 4 มักเป็นช่วงการบำรุงรักษาเครื่องจักร อาจกระทบต่อปริมาณการขาย และการใช้กำลังการผลิตที่ไม่ได้ระดับ Economies of Scale จึงคาดรายได้รวมจะอ่อนลงจากไตรมาสก่อน (แต่ยังโตจากปีก่อนเพราะราคาขายที่สูงกว่ามาก) และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะยังอยู่ในระดับต่ำราว 5%-6% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน (ต่ำกว่าระดับปกติ 10-12%)
สำหรับแนวโน้มราคาถั่วเหลืองในช่วง 6 เดือนข้างหน้ามองอยู่ในกรอบ US$12-13.5 ต่อบุชเชล ถือเป็นระดับทรงตัวถึงขยับขึ้นเล็กน้อย ปัจจัยที่อาจหนุนราคาถั่วเหลืองให้ปรับขึ้นได้มาจาก 1) ความต้องการวัตถุดิบอาหารสัตว์จากจีนที่เริ่มสูงขึ้นอีกครั้ง หลังราคาหมูในจีนฟื้นตัวมาอยู่ที่ 18 หยวนต่อกิโลกรัม จากช่วงก่อนหน้าที่ร่วงแรงไปอยู่บริเวณ 10-12 หยวนต่อกิโลกรัม และต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยง
2) ราคาน้ำมันพืชยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนถึงความต้องการน้ำมันถั่วเหลืองที่ยังอยู่ในระดับสูง 3) USDA คาดสต็อกถั่วเหลืองโลก 2564/65 เดือน พ.ย. อยู่ที่ 103.78 ล้านตัน ลดลงจากที่คาดไว้ 104.57 ล้านตันในเดือน ต.ค. แม้จะเป็นระดับที่สูงกว่าปีก่อนราว 3.7% แต่มีความเป็นไปได้ที่จะต่ำกว่าคาด เพราะล่าสุดเริ่มมีความกังวลการเกิด La Nina อาจกระทบต่อ Yield ของถั่วเหลืองในอเมริกาใต้ ซึ่ง USDA มีการปรับลดลงผลผลิตในบราซิลและอาร์เจติน่าลดลงมาอยู่ที่ 193.5 ล้านตัน จาก 195 ล้านตันในเดือน ต.ค. คาดบริษัทจะทยอย ใช้สต็อกราคาแพงหมดไปในไตรมาส 4/64 และคาดเห็นอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวในครึ่งแรกของปี 2564
อย่างไรก็ตาม ด้วยกำไรไตรมาส 3/64 ที่ต่ำกว่าคาด และแนวโน้มไตรมาส 4/64 ยังอ่อนตัวลงต่อ จึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-65 ลง 7% และ 15% เป็น 2,174 ล้านบาท (+31.3% จากปีก่อน) และ 1,978 ล้านบาท (-9% จากปีก่อน) แม้คาดภาวะการเลี้ยงสัตว์ และความต้องการน้ำมันถั่วเหลืองยังเติบโตได้ แต่คาดราคาขายกากถั่วเหลืองน่าจะเริ่มปรับลงตามราคาถั่วเหลืองตลาดโลก
โดยราคาถั่วเหลืองเฉลี่ยปี 2564 เท่ากับ US$13.87 ต่อบุชเชล +46% จากปีก่อน และราคาเฉลี่ยช่วงครึ่งหลังปี 2564 เท่ากับ US$13.13 ต่อบุชเชล ล่าสุดราคาอยู่ที่ US$12.5 ต่อบุชเชล และด้วยแนวโน้มราคาถั่วเหลืองที่ไม่ได้เป็นเทรนด์ขาขึ้นแรงเหมือนในปีก่อน จึงคาดจะทำได้เพียงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในกรอบ 10%-11% ไม่คิดว่าจะปรับแรงเหมือนในครึ่งแรกของปี 2564 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงระดับ 14%-16% และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 32 บาท (อิง PE เดิม 13 เท่า) โดยปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” รับปันผล