FSSIA ชี้ JMT จบดีลร่วมทุน KBANK คาดได้ NPL คุณภาพดี-ดอกเบี้ยกู้ต่ำ
FSSIA ชี้ JMT จบดีลร่วมทุน KBANK คาดได้ NPL คุณภาพดี-ดอกเบี้ยกู้ต่ำ แถมต่อยอดธุรกิจในกลุ่ม JMARTและธนาคารในอนาคต
บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากการรายงานข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ฉบับวันพุธที่ 17 พฤศจิกายน 2564 กรณี JMT มีแนวโน้มที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่ไม่มีหลักค้ำประกัน โดย JMT อาจถือหุ้นราว 65-75% ในบริษัทร่วมทุนนี้ และ KBANK จะถือในอัตราสัดส่วนที่เหลือ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนั้นแล้ว JMT ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเข้าร่วมทุนกับอีกสองธนาคารชั้นนำด้วยเช่นกัน
โดยล่าสุดวันนี้(17 พ.ย.64) บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ได้เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จากกรณีตามที่ได้มีข่าวปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์นั้น โดยชี้แจ้งว่าบริษัทยังอยู่ในขั้นตอนของการหารือกับพันธมิตร แต่ยังมิได้มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการแต่อย่างใดหากมีความคืบหน้า บริษัทจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การรายงานสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ตามบทวิเคราะห์ของ FSSIA ระบุว่า หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง ทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่าจะเป็นผลบวกทั้ง JMT และ KBANK โดยผลบวกต่อ JMT ทางฝ่ายวิเคราะห์จำแนกออกมาได้สามข้อด้วยกัน คือ 1) การันตีการจำหน่าย NPL ให้ JMT 2) บริษัทร่วมทุนอาจได้รับอัตราดอกเบี้ยจากการกู้ที่ต่ำ 3) JMT จะได้รับ NPL คุณภาพดีจาก KBANK เนื่องด้วยทางธนาคารที่มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนนี้ด้วย จึงคาดว่า KBANK จะจำหน่ายหนี้เสียที่มีคุณภาพให้กับ JMT
สำหรับ KBANK มองว่ามีสองปัจจัยบวกด้วยกันคือ 1) คาดว่างบดุลจะเพิ่มขึ้นหาก JMT ถือสัดส่วนกว่า 50% ใน JV 2) การตั้ง JV ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้าน NPL อย่าง JMT จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้อัตรากำไรสุทธิของ KBANK
โดย FSSIA ระบุว่าปกติแล้ว สถาบันการเงินจะขาย NPL ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ระดับ 5-10% ของมูลค่า NPL ในขณะเดียวกัน JMT นั้นมีความสามารถในการทำอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 30% ซึ่งหมายความว่าการจำหน่ายหนี้เสียให้กับ JMT จะเป็นประโยชน์ต่อ KBANK มากกว่าการขายหนี้เสียทั่วๆไปในระดับต่ำ
นอกเหนือจากดีลนี้ FSSIA มองว่าทางกลุ่ม JMART กับ KBANK อาจมีการจับมือทางธุรกิจอื่นอีก เช่น SINGER ซึ่งเป็นผู้นำด้านสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุก และเป็นจุดที่ KBANK ยังค่อนข้างอ่อนแอในมุมมองของฝ่ายวิเคราะห์ ดังนั้น หากมีการร่วมมือในด้านนี้ จะเป็นผลประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจของทั้งสองบริษัท
อย่างไรก็ตาม FSSIA มองว่าดีลนี้จะสร้าง sentiment เชิงลบต่อ BAM จากความกังวลว่าจะมีการจำหน่าย NPL ให้น้อยลง ซึ่งทาง BAM ก็มีดีลที่จะร่วมมือกับธนาคารเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่สำเร็จในตอนนี้
ในส่วนของ CHAYO ทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่ามีผลกระทบเป็นกลางจากการที่ CHAYO นั้นมีสินทรัพย์เล็กกว่า BAM มาก การที่มี NPL จำหน่ายออกมาน้อยลงจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับความกังวล
ด้านธนาคารอื่นๆ FSSIA มองว่าหากสามารถจับมือกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AMC ได้ ก็จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับงบดุล และอัตรากำไรเหมือนอย่าง KBANK ได้เช่นกัน