CEN งบ 9 เดือนพลิกกำไร 392 ลบ. หลังปรับกลยุทธ์-เดินหน้าแตกไลน์ธุรกิจใหม่

CEN งบ 9 เดือนพลิกกำไร 392 ลบ. หลังปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยจำหน่ายเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล พร้อมเดินหน้าขยายฐานการลงทุนต่อยอดกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเดิม และปรับตัวแตกกลุ่มธุรกิจใหม่ไปสู่ธุรกิจที่เป็นเทคโนโลยีในด้านต่างๆ


นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN เปิดเผยว่า งบการเงินรวมของบริษัทฯในไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 มีกำไร 86.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.34% จากไตรมาสก่อน และสามารถพลิกมีกำไรหากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 32.17 ล้านบาท

เกิดจากการมุ่งเน้นกำรส่งมอบสินค้าให้ทันกำหนดเวลาและเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย และการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนขายและบริการ ต้นทุนการจัดจำหน่ายในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้น และรับรู้กำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของหลักทรัพย์

ขณะที่ในงวด 9 เดือนแรกพลิกมีกำไร 392.36 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 0.001 ล้านบาท ส่งผลให้สร้างกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.53 บาท ถือว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทยังมีความเติบโตอย่ำงต่อเนื่อง หลังจากที่กลุ่มบริษัท ปรับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจและองค์กร โดยได้มีการจำหน่ายเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ไม่สร้างผลตอบแทนให้กับกลุ่มบริษัทออกไป

ด้านบริษัทย่อย เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าสถานีโทรคมนาคมในต่างประเทศ ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 และจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง และได้ทำการตกลงเบื้องต้นในการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม คือ บริษัท สระบุรี เอ็นเนอร์จี ซิสเท็มส์ 2 จำกัด (“SES2”) ให้แก่ ผู้ถือหุ้นรำยหนึ่งของ SES2 ซึ่งเป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจ

ทั้งนี้เป็นผลจากบริษัทฯ ได้มุ่งใช้กลยุทธ์ Shareholder  Value Centric เน้นการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น ดังนั้นจะเห็นได้จาก ROA เท่ากับ 11.2% ส่วน ROE เท่ากับ 14.4% และ NAV เท่ากับ 4.0 บาท ในขณะที่มีสภาพคล่อง Current Ratio เท่ากับ 5.72 เท่า และมีหนี้สินต่อทุนเพียงแค่ 0.29 เท่า

อย่างไรก็ดีในฐานะที่ CEN เป็น Holding Company เน้นการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในไตรมาส 3/2564 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 ผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนแล้ว กลยุทธ์บริหารบริษัทในเครือเริ่มเปลี่ยนแปลงประกอบด้วย

ขณะที่ธุรกิจของบริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RWI บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์ด้านการตลาด และขยายการผลิต และเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อลดต้นทุนบริหารต่อหน่วย เน้นเจาะขยายตลาดกลุ่มลูกค้าลวดเหล็กภายในประเทศ ประกอบด้วยโรงงานผลิตเสา และพื้นคอนกรีต โครงการก่อสร้างทางยกระดับ และลูกค้าอุตสาหกรรม

ส่วนบริษัทย่อย คือบริษัท สกาย ทาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STOWER เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าสถานีโทรคมนาคมในต่างประเทศ ที่ได้ขยายฐานธุรกิจไปยังประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อดำเนินธุรกิจสถานีโทรคมนาคมให้เช่า และจะทยอยรับรู้รายได้จากค่าเช่าอย่างต่อเนื่องจากนี้ไปตามระยะเวลาสัญญาระยะยาว

ด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อน ทั้ง 2 โรงไฟฟ้า ยังคงมีพัฒนาการเชิงบวกและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในรูปแบบ Solar Cell

อย่างไรก็ตามสถานะทางการเงินของ CEN แข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมขยายฐานการลงทุนต่อยอดกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเดิมและปรับตัวแตกกลุ่มธุรกิจใหม่เข้าไปสู่ธุรกิจที่เป็นเทคโนโลยีในด้านต่างๆ ให้ความสนใจ ศึกษาความเหมาะสม ของสินทรัพย์ดิจิตอล ซึ่งเป็นสินทรัพย์ทางการเงินรูปแบบใหม่ อาจจะเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนและการเงินของบริษัทในอนาคต โดยบริษัทจะบริหารเงินสดที่มีอยู่ค่อนข้างสูงเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงความเสี่ยงต่ำ ในช่วงที่ระหว่างที่คัดสรรเลือกลงทุนที่จะลงทุนในอนาคต

Back to top button