CHG ฟอร์มเด่น! โบรกอัพกำไรปี 64 โตกว่า 200% พร้อมเชียร์ “ซื้อ” เป้า 4.40 บ.
“เอเชีย เวลท์” เชียร์ “ซื้อ” หุ้น CHG ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 64 โต 233% จากปีก่อน หลังรายงานกำไรไตรมาส 3 เติบโตเกินคาด พร้อมแนะซื้อ เป็น 4.40 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำเกี่ยวกับหุ้นบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 1,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 455% จากปีก่อน และ 171% จากไตรมาสก่อน ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัย และตลาดคาด 55% และ 53% ตามลำดับ โดยรายได้รวมอยู่ที่ 4,390 ล้านบาท เติบโต 201% จากปีก่อน และ 112% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจาก (1) รายได้ผู้ป่วยทั่วไปเพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน จากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ทั้งบริการตรวจคัดกรอง การให้บริการสถานกักกันโรค (ASQ) และการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 (2) รายได้โครงการประกันสังคมลดลง 29% จากปีก่อน และ (3) รายได้ สปสช. เพิ่มขึ้น 2,546% จากปีก่อน
โดยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากจำนวนเคสที่เพิ่มขึ้น และบริการตรวจคัดกรองและการรักษาผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั้งในโรงพยาบาลและ Hospitel ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 50.8% สูงกว่าไตรมาส 3/63 และไตรมาส 2/64 ที่ 35.6% และ 41.8% ตามลำดับ อัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายอยู่ที่ 7.7% ลดลงจากไตรมาส 3/63 และไตรมาส 2/64 ที่ 11.7% และ 9.9% ตามลำดับ จากการควบคุมและบริหาร จัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่รายได้อื่นอยู่ที่ 67 ล้านบาท จากการรับจ้างบริหารโรงพยาบาลรัฐทำให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนเติบโต 284% จากปีก่อน อยู่ที่ 2,391 ล้านบาท
นอกจากนี้ ปรับกำไรสุทธิปี 64 ขึ้น 44% เป็น 2,918 ล้านบาท (เดิม 2,023 ล้านบาท) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดทั้งรายได้และอัตรากำไร โดยปรับรายได้รวมขึ้น 28% เป็น 10,206 ล้านบาท (เดิม 7,971 ล้านบาท) และปรับสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 41.9% (เดิม 36.7%) ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 เติบโต 233% จากปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายเตียงอีก 272 เตียงของโรงพยาบาลเดิมในเครือในปี 2565-2569 จากเดิม 749 เตียง โดยประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 หดตัว 57% จากปีก่อน แต่ยังเติบโต 45% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยมีปัจจัยหนุนผลประกอบการจาก (1) รายได้จากการบริหารโรงพยาบาลรัฐ 2 แห่ง (2) รายได้จากศูนย์หัวใจ 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์หัวใจโรงพยาบาลสิรินธร ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลสมุทรปราการ และศูนย์หัวใจโรงพยาบาลระยอง และ (3) การกลับเข้ามาใช้บริการของผู้ป่วยปกติ และผู้ป่วยชาวต่างชาติแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 4.40 บาท