เผยโฉม 16 หุ้น mai โชว์ฟอร์ม Q3 พลิกกำไร
"ข่าวหุ้นธุรกิจ" รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ 16 บริษัทจดทะเบียนในตลาด mai ที่รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/64 ออกมาพลิกมีกำไรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ
โดยวันนี้ “ทีมข่าว” ขอนำเสนอในส่วนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีการฟื้นตัวแบบโดดเด่น สามารถพลิกมีกำไรสุทธิ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ ประกอบด้วย 16 บริษัท ดังนี้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แนวโน้มไตรมาส 4/64 ของทาง บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL จะฟื้นตัว พร้อมคงมุมมองปี 2565 โตต่อเนื่อง +98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
พร้อมคาดกำไรไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวเด่นจากไตรมาสก่อน หลังกลับมาดำเนินก่อสร้างได้ตามปกติ รวมถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่กลับมาเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะแนวราบ ท่ามกลางปัจจัยบวกจาก COVID คลี่คลาย และการผ่อนคลายมาตรการ LTV
ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 174% จากปีก่อน ขณะที่ปี 2565 คงคาดขยายตัว 98% จากปีก่อนเป็น 71 ล้านบาท โดยมีแรงขับเคลื่อนทั้งด้านรายได้จากการรับรู้ Backlog ต่อเนื่อง และรุกเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
โดยคาดการณ์รายได้ของฝ่ายวิจัยค่อนข้าง Conservative ที่ 431 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน เทียบกับมูลค่างานในมือหรือ Backlog ที่รอรับรู้ 526 ล้านบาท ซึ่งมี Discount ราว 18% รวมถึงอัตรากาไรขั้นต้นสูงขึ้นตาม และคาดหนุนให้อัตรากาไรสุทธิเร่งขึ้นแตะ 16.6% ในปีหน้าจากผลของ Operating Leverage
อย่างไรก็ตาม คงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 9 บาท (อิง PER 19 เท่า) แนะนำซื้อจากความน่าสนใจ 1) Backlog ระดับสูง และรองรับถึงปี 2566 จำกัด Downside และการรับรู้รายได้มีเสถียรภาพมากกว่าวัสดุก่อสร้างรายอื่นที่มักเป็น Backlog ระยะสั้น 2) Growth Stock สะท้อนกำไรปี 2564-66 คาดโตแกร่ง เพิ่มขึ้น 174% จากปีก่อน, +98% จากปีก่อน และ +11% จากปีก่อน ตามลาดับ
3) GPM, NPM, ROE อยู่ระดับต้นๆ ของกลุ่มฯ 4) มีช่องว่างในการเติบโตอีกมากตามความต้องการใช้คอนกรีตสาเร็จรูปในโครงการที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มปรับเปลี่ยนวิธีก่อสร้าง จากข้อได้เปรียบทั้งด้านเวลาและต้นทุนที่ลดลงกว่าการก่ออิฐ ฉาบปูน บนฐานเครือข่ายลูกค้าที่แข็งแกร่งในแวดวงอสังหาฯ 5) ราคาหุ้นปรับลง 9% ภายใน 3 สัปดาห์ สะท้อนงบไตรมาส 3/64 ที่ชะลอตัว ปัจจุบันเทรดบน PE ปี 2565 ที่ 14.2 เท่า เทียบกับการเติบโตกำไรปี 2565-66 คิดเป็น PEG เพียง 0.26 เท่า
ขณะที่ นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โฮมพอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และเริ่มมีการเดินทางมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาดำเนินกิจการไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร และอื่นๆ ส่งผลให้คำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังได้เดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยบริษัทยังคงเดินเพื่อที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และไลน์การผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ทันตามความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงการบริหารการจัดการต้นทุนที่มีศักยภาพทั้งด้านการผลิต ต้นทุนด้านพลังงานงาน และต้นทุนด้านวัตถุดิบในการผลิตด้วย
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 64 คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และสามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่
ขณะเดียวกันบริษัทมีคำสั่งซื้อล่วงหน้า (Backlog) มูลค่า 104.26 ล้านบาท มาจากทวีปอเมริกา 23% ทวีปเอเชีย 14% และในประเทศไทย 1% จะสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ถึงเดือน เม.ย. 65 นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/64 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 64 นี้
“หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายทั่วโลก ส่งผลให้กิจการด้านการให้บริหารไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร และอื่นๆที่กลับมาเปิดให้บริการ หนุนให้คำสั่งซื้อกลับมาเพิ่มมากขึ้นอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นปัจจัยหนุนต่างๆเข้ามาหนุนการเติบโตของผลประกอบการตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ถึงปี 65” นางสาวนิจวรรณ กล่าว