EA มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 20% รับธุรกิจโรงไฟฟ้า-แบตเตอรี่รถ EV หนุน

EA มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 20% รับธุรกิจโรงไฟฟ้า-แบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าหนุน ลุ้นปี 65 โตต่อเนื่อง จากเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลลงทุน EV-แบตเตอรี่-พลังงานทดแทน


นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจากเป็นปีของการเก็บเกี่ยวสิ่งที่ได้ลงทุนไปในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบตเตอรี่, รถโดยสารไฟฟ้า (E-Bus) และพลังงานทดแทน (Renewable Power) ภายหลังจากที่ได้มีเปลี่ยนแผงโซลาร์ของโรงไฟฟ้าที่ จ.นครสวรรค์ และจ.ลำปาง ในไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ในปลายไตรมาส 1/2565

สำหรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) บริษัทฯ คาดว่าในปีหน้าจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก (Key Driver) และจะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ทั้งรถโดยสารไฟฟ้า ซึ่งบริษัทฯเตรียมส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องให้แก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าแล้ว คือ บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด (TSB), เรือโดยสารไฟฟ้า มีเป้าหมายผลิตเรือโดยสารไฟฟ้าทั้งสิ้น 27 ลำในสิ้นปี 2564 โดยการเติบโตเรือฯ ในอนาคต จะมาจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงเทคโนโลยีของเรือที่มีระบบชาร์จเร็ว (Fast Charge) สามารถประยุกต์ให้เป็นเรือท่องเที่ยว หรือประยุกต์ใช้กับเรือของประเทศเพื่อนบ้าน

อย่างไรก็ตาม หากบริษัทย่อยในเครือต่างๆ มีการเติบโตที่ดี บริษัทก็พร้อมที่จะนำบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ส่วนโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (ATT) ระยะที่ 1 ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ คาดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธ.ค.2564 และน่าจะเริ่มผลิตเพื่อส่งมอบได้ในต้นเดือนม.ค.2565 ซึ่งในระยะแรกจะผลิตและจำหน่ายให้กับบริษัทในกลุ่มก่อน หรือรองรับธุรกิจ EV ของบริษัททั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น E-Bus, E-Truck, E-Train, E-Ferry เป็นต้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตรวมเป็น 4 กิกะวัตต์ ภายใน 2 – 3 ปี

สำหรับปี 2564 บริษัทฯ มั่นใจรายได้เติบโตตามเป้า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 17,196 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนของปีนี้มีรายได้แล้ว 14,819.95 ล้านบาท โดยภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ทั้งในส่วนของโซลาร์ฟาร์มและวินด์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิตรวม 664 เมกะวัตต์ และจากธุรกิจแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็น New S-Curve ที่จะทยอยส่งมอบรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้า

โดยในส่วนของโรงงานผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ในจังหวัดฉะเชิงเทรา หลังเสร็จครบทั้งหมดจะมีกำลังการผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 3,000 คันต่อปี

นอกจากนี้การที่รัฐบาลเตรียมออกมาตรการสนับสนุนใช้รถ EV ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไป และส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐ เปลี่ยนมาใช้รถ EV เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจใหม่ของกลุ่ม EA เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ จากการขายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับภาคเอกชน และเจาะตลาดหน่วยงานภาครัฐ

ด้านนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย ในไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 1,616.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 497.26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 44.44% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิรวม 1,119.00 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากทั้งจากธุรกิจไบโอดีเซล โรงไฟฟ้า ธุรกิจแบตเตอรี่ และธุรกิจผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ที่ทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้า ตามแผนงานที่วางไว้

Back to top button