SVT ส่งซิกปี 65 รายได้โต 25% รุกขยาย “เวนดิ้ง แมชชีน”-เปิดธุรกิจแฟรนไชส์

SVT ส่งซิกปี 65 รายได้โต 25% รุกขยาย “เวนดิ้ง แมชชีน” เพิ่มเป็น 17,000 เครื่อง พร้อมเปิดธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่ม ในส่วนของจังหวัดลำพูน อุดรธานี และภาคใต้ในปี 2566 อีกทั้งเล็งบุกขยายสาขาที่ CLMV


นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจใน 2565 หลังจากบริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ว่าบริษัทฯ วางแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวไปลงทุนใน 2 ส่วนหลัก คือ 1.ใช้ในการจัดหาเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพื่อขยายการติดตั้งให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ และ2.พัฒนาระบบและจัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแบบสมาร์ท

ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทฯ มีแผนขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพิ่มเป็น 17,000 เครื่อง หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 เครื่อง จากเดิมในปี 2564 มีจำนวนเครื่องทั้งหมด 14,600 เครื่อง พร้อมปรับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแบบธรรมดาให้เป็นแบบสมาร์ทเพิ่มเป็น 7,500 เครื่อง

สำหรับการขยายจำนวนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในปี 2565 จะเริ่มขยายตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นไป โดยจะเริ่มที่จังหวัดลำพูนเป็นแห่งแรก เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นภาคอุตสาหกรรม และจังหวัดอุดรธานี เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นโรงงาน ส่วนภาคใต้จะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2566 เพื่อตามเป้าหมายของบริษัทว่าจะขยายตู้อัตโนมัติให้ครบถึง 20,000 เครื่องภายในปี 2566

ขณะที่ส่วนของการทำระบบแฟรนไชส์ คาดว่าจะเริ่มเปิดโมเดล หรือสาขาต้นแบบก่อน ภายในสิ้นปี 2564 เบื้องต้นมีลูกค้าสนใจทำระบบแฟรนไชส์แล้วจำนวน 1-2 ราย โดยเป็นโครงการนำร่องก่อนที่จะมีการขยายธุรกิจแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการในปี 2565

สำหรับเป้าหมายหลังจากที่รุกทำตลาดอย่างต่อเนื่องในปี 2565 บริษัทฯวางเป้าจะมีรายได้เติบโตอยู่ที่ประมาณ 25% โดยมีปัจจัยบวกสนับสนุนการเติบโต คือ ความเชื่อมั่นเรื่องวัคซีน รวมถึงการเดินหน้าขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ครอบคลุมมากขึ้น และการเปิดธุรกิจใหม่ อย่างแเฟรนไชส์, ระบบเช่า, โฆษณาในเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และการรุกขายตู้มากขึ้น ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจ้าของสินค้า หรือผู้ผลิตสินค้าเอง, กลุ่มค้าปลีก-ค้าส่ง และลูกค้ารายย่อย อาทิ โรงแรม, โรงเรียน, โรงพยาบาล เป็นต้น

นอกจากนี้การขยายสาขาไปยัง CLMV ในอนาคตจะเริ่มขยายไปยังประเทศเวียดนามก่อน จึงจะขยายการลงทุนหรืออาจจะมีการร่วมทุนไปยังประเทศลาว เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากประเทศลาว-จีน (Belt and Road Initiative หรือ BRI) ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการขยายสาขาไปยังประเทศอื่นในกลุ่ม CLMV ต่อไป

Back to top button