เปิดโผ 10 อันดับหุ้น SET กำไรไตรมาส 3 โตทะลักเกิน 1,000%

เปิดโผ 10 อันดับหุ้น SET กำไรไตรมาส 3/2564 โตทะลักเกิน 1,000% ชู M-CHAI-LANNA-TVI นำทีมเด่น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ที่ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2564 (สิ้นสุด 31 ก.ย.2564) มานำเสนอ โดยครั้งนี้คัดเลือกกลุ่มหุ้น SET เพียง 10 อันดับแรกที่มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 เติบโตโดดเด่นและสามารถทำกำไรสวนวิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยจะขอนำเสนอข้อมูลประกอบใน 5 อันดับแรกดังนี้

อันดับ 1 บริษัท โรงพยาบาลมหาชัย จำกัด (มหาชน) หรือ M-CHAI กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 273.11  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,883.40% จากไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 1.71 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น 1,011.15 ล้านบาท คิดเป็น 163.86 % เนื่องจากในไตรมาส 3/2554 รายได้ค่ารักษาพยาบาลในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปของบริษัทและบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการรักษา ผู้ป่วยโควิด 2019 ในขณะที่บริษัทย่อยแห่งใหม่เปิดดำเนินงานกิจการโรงพยาบาลเต็มรูปแบบ

อันดับ 2 บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภครายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 679.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,348.89% จากไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 6.51 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้ 4,796.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,784.57 ล้านบาท  โดยมีรายได้จากธุรกิจถ่านหิน 4,270.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,934.84 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการขายถ่านหินเพิ่มขึ้นจากงวดกันของปีก่อน และราคาขายถ่านหินโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน

อันดับ 3  บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)  หรือ TVI กลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 126.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,001.45% จากไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 2.49 ล้านบาท เนื่องจากกบริษัทฯ มีรายได้จากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น 153.4ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.2 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องโดยการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการคิดค้นออกแบบผลิตภัณฑ์ให้อำนวยความสะดวกและสอดคล้องกับความต้องการของผู้เอาประกันภัยควบคู่ไปกับกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ TVI เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2564 มีกำไรสุทธิเติบโตกว่า 50 เท่า จากช่วงเดียวกันปีก่อนแตะ 437 ล้านบาท มีรายได้สุทธิ 4,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากการรักษาโมเมนตัมงานรับประกันภัยได้ดีต่อเนื่อง หนุนเบี้ยประกันภัยรับแตะ 4,450 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผลจากการเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการให้บริการ ตอบโจทย์ความต้องการผู้เอาประกันภัยในทุกมิติได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์เปิดปิดที่กระแสตอบรับดีเกินคาด ยอดขายเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเชิงรุกผ่านช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง อาทิ ช่องทางออนไลน์ และสื่อสมัยใหม่ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน บริษัทเน้นใช้ Big Data รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพงานบริการ และระบบคัดกรองความเสี่ยงให้มีความแม่นยำดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย

อันดับ 4 บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHAกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจการแพทย์รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ  650.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,683.34% จากไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 36.48 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวม 1,980.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.41 ซึ่งแยกเป็นรายได้จากแต่ละแห่งดังนี้ บมจ. โรงพยาบาลวิภาวดี จำนวน 895.83 ล้านบาท,บมจ.เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำนวน 1,040 ล้านบาท,บจก. ปริ๊นส์ตั้น พาร์ค สวีท จำนวน 14.49 ล้านบาท,บจก. บิวตี้ ดีไซน์ เซ็นเตอร์ 27.51 ล้านบาท และบจก. วี พรีซิชั่น จำนวน 2.62 ล้านบาท

อันดับ 5 บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY กลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 64.74  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,649.73% จากไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 3.70 ล้านบาท

โดยนายชาญชัย กงทองลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNITY เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิงวด 9 เดือน ปี 2564 จำนวน 173.74 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 2,547% เมื่อเปรียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 7.10 ล้านบาท ขณะที่งวดไตรมาส 3 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 64.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,649.72% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ งวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 725.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107% เมื่อเปรียบเทียบ กับงวดเดียวกันปี 2563 ที่มีรายได้รวม 350.56 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของบริษัทเติบโตในทุกๆ ช่องทาง ประกอบด้วย รายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้น 48.28 % เป็น 448.65 ล้านบาท จาก 302.57 ล้านบาทในงวด 9 เดือนปี 2563 เนื่องจาก

1.รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 58.10% เป็น 263.53 ล้านบาท จาก 166.69 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนปี 2563 ตามปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 96,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.49% จากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 64,526 ล้านบาท หลังจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นมาซื้อขายเหนือระดับ 1,600 จุด โดยสิ้นเดือน ก.ย.2564 ดัชนีปิดที่ 1,605.68 จุด

2.รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 35.28 % เป็น 89.12 ล้านบาท จาก 65.88 ล้านบาท ในงวดเดียวกันปี 2563 จากค่าธรรมเนียมจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ เนื่องจากในงวด 9 เดือนแรกปีนี้บริษัท ได้เป็นที่ปรึกษาในการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ ) จำนวน 3 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (AMR), บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) และบมจ.เบริล 8 พลัส (BE8)

3.รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 91.41 ล้านบาท จาก 60.23 ล้านบาท ในงวดเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในระหว่างงวด จากการที่นักลงทุนรายบุคคลยังมีบทบาทสูงต่อการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย

ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET ไตรมาส 3/2564 จบลงที่ 2.09 แสนล้าน (ไม่รวมบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI) ขยายตัว 19.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 24.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านม

กำไรของ บจ. นี้สะท้อนว่า เริ่มฟื้นจากปีก่อน และราคาน้ำมันช่วยหนุนกำไร แต่ถูกกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์ในไทยช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. ขณะที่ไตรมาสนี้ไม่มีรายการพิเศษ แต่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.0 หมื่นล้านบาท ผลจากเงินบาทอ่อนค่ามาที่ 33 บาท/ดอลลาร์ ด้าน Current P/E ตลาด (SET) อยู่ที่ 21.2 เท่า

สำหรับกำไรตลาด 9 เดือนแรกอยู่ที่ 7.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรฟื้นจากโควิด-19 รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตามคาดไตรมาส 4/2564 กำไรเริ่มฟื้น ด้วยกำลังซื้อในประเทศ และมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ การระบาดโควิด-19 คลายตัวลง คนออกมาจับจ่ายใช้สอย มีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภาครัฐฯ และการลงทุนเริ่มเดินต่อ ด้านราคาน้ำมันดิบยังสูง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ Supply ที่ตึงตัว ทำให้กำไรของหุ้นกลุ่มที่ยังมีโอกาสสูงได้ต่อ

ทั้งนี้ ประเมินกำไรไตรมาส 4/2564 เบื้องต้นไว้ที่ 1.26 แสนล้านบาท ส่วนกำไรตลาดปี 2564 คาดจะจบที่ 8.7 แสนล้านบาท ขณะเดียวกัน ได้ปรับกำไรตลาด ปี 2565 เป็น 9.8 แสนล้านบาท เติบโต 12% เป้าดัชนีฯ ปี 2565 ปรับจาก 1,732 จุด เป็น 1,737 จุด ค่า Forward P/E อยู่ที่ 19.8 เท่า

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button