ITEL ส่งซิกผลงาน Q4 โตก้าวกระโดด หลังตุนแบ็กล็อกกว่า 4 พันลบ.
ITEL ส่งซิกผลงาน Q4 โตก้าวกระโดด หลังทยอยรับรู้สัญญาในมือจำนวน 728 ล้านบาทในปีนี้ จากแบ็กล็อกปัจจุบัน 4,148 ลบ. อีกทั้งมีความพร้อมในการนำสินทรัพย์ ศูนย์อินเตอร์ลิ้งค์ ดาต้า เซ็นเตอร์ (IDC) แห่งที่ 1 ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ากว่า 700 ลบ. คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 1/65
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ว่า ทิศทางผลงานไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากช่วงไตรมาส 3/2564 โดยมีปัจจัยหนุนจากงานด้านโทรคมนาคมมีอัตราความต้องการเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากภาครัฐและภาคเอกชนเริ่มเข้าสู่โหมดการลงทุน
อีกทั้งรับสัญญาณบวกจากการเปิดประเทศ ทำให้ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ถือว่ายังเติบโตอยู่ในทิศทางบวกตามผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2564 ของบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 530.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.44 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.44 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 475.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 63.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.77 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.56 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้นจำนวน 132.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 5.96 ล้านบาท โดยสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,539.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 156.76 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2564 มั่นใจจะเติบโตไปในทิศทางก้าวกระโดด จากการทยอยรับรู้สัญญาในมือ (Contract on Hand) จำนวน 728 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัญญาในมือ (Contract on Hand) อยู่แล้วทั้งสิ้น 4,148 ล้านบาท แบ่งเป็นงานให้บริการต่อเนื่อง (Recurring) จำนวน 2,684 ล้านบาท ได้แก่ งานให้บริการโครงข่าย 2,515 ล้านบาท และงานให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ 169 ล้านบาท และงานให้บริการไม่ต่อเนื่อง (Non-Recurring) คือ งานให้บริการติดตั้งโครงข่าย 1,464 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีแผนเข้าร่วมเสนองานใหม่ๆ เพื่อยังคงความแข็งแกร่งของยอดสัญญาในมือ สร้างความเชื่อมั่นในความสามารถหางานของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าเสนองานที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ และความสามารถในการแข่งขัน ช่วยให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าแสวงหาโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบแนวทางการเข้าซื้อกิจการ เวทเธอเรีย อี โดยบริษัทฯ จะซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของเวทเธอเรีย อี ได้แก่ หุ้นสามัญในบริษัท บลู โชลูชั่น จำกัด จำกัด (BS) จำนวนร้อยละ 51.00 ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วของ BS ในมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 153 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 30.60 ล้านหุ้น เพื่อชำระเป็นค่าตอบแทนสำหรับการรับโอนกิจการทั้งหมด
โดย BS ประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจรที่ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อการจัดโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบงานเพื่อการบริหารจัดการ ตลอดจนระบบการแสดงผ่านทางอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จับกลุ่มลูกค้าองค์กรภาคเอกชน ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ทับซ้อนกับฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯ เป็นการขยายช่องทางการจำหน่าย และเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวและเรื่องอื่นๆ ในวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 1/2565 ในวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2565 เวลา 14.00 น. โดยเป็นการประชุมในรูปแบบระบบไฮบริด (Hybrid Meeting) ณ ห้องประชุมแกรนด์สุวรรณภูมิ และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 (Record Date) ในวันที่ 3 ธันวาคม 2564
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ได้มีความพร้อมในการนำสินทรัพย์ ศูนย์อินเตอร์ลิ้งค์ ดาต้า เซ็นเตอร์ (IDC) แห่งที่ 1 ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะดำเนินการขายแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ในครั้งนี้ จะนำส่วนนึงไปขยายศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ แห่งที่ 2 เพื่อรองรับการเติบโตในธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ จากการขยายตัวของธุรกิจ Cloud ที่รองรับการให้บริการทั้งด้านการทำงาน โดยรองรับการพัฒนา Platform หรือ Software as a Services (SAAS) หรือด้านความบันเทิงที่ Streaming Content ต่างๆ ที่กำลังเติบโต มีผู้รับชมมากขึ้นเรื่อยๆ และนำเงินบางส่วนไปชำระหนี้สินเงินกู้ยืมระยะยาวกับธนาคาร
อนึ่งบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการเติบโตต่อเนื่อง และยั่งยืน โดยจะเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินให้เหมาะสมไม่ให้เกิดปัญหาความเสี่ยงจากการลงทุนในด้านต่างๆ และบริษัทฯ ยังคงคำนึงถึงประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลักพร้อมทั้งการขยายโอกาสทางการตลาด เชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่นในอนาคต