โบรกฯชี้ XO กำไร Q4 ฟื้นแตะ 101 ลบ. หลังปัญหา “แพคเกจจิ้ง” คลี่คลาย ชูเป้า 22 บ.
โบรกฯชี้ XO กำไรไตรมาส 4 ฟื้นแตะ 101 ลบ. หลังปัญหา Packaging Supply Chain คลี่คลายจนเกือบเป็นปกติ เหลือเพียงเร่งกำลังการผลิตให้กลับมาส่งมอบสินค้าให้ทัน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (23 พ.ย. 2564) โดยประเมินบริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ว่า บริษัทฯ คาดจะมีกำไรไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ราว 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.90% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 21.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน กลับมาฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ภายหลังปัญหา Packaging Supply Chain คลี่คลายจนเกือบเป็นปกติแล้ว เหลือเพียงเร่งกำลังการผลิตให้กลับมาส่งมอบสินค้าให้ทัน
ทั้งนี้คาดรายได้จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 368 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.60% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 18.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตจะฟื้นตัวอีกครั้งมาอยู่ที่ราว 70% – 75% คาดอัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวสูง สามารถหักล้างค่าใช้จ่ายที่จะสูงขึ้นเล็กน้อยจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นราว 1 – 2 ล้านบาทต่อไตรมาส จากการ Renovate ออฟฟิศที่กทม. (มูลค่าปรับปรุง 15 ล้านบาท)
นอกจากนี้ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 10% – 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อที่ยังดูสดใส ส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนค่า Listing Fee ให้กับ Distributor ในปีนี้ ทำให้มี Outlet ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และยังมีแผนสนับสนุนต่อในปี 2565 รวมถึงมีแผนกลับไปร่วมออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศอีกครั้ง และล่าสุดเริ่มรับรู้รายได้ซอสกัญชงตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 และอยู่ระหว่างพัฒนารสชาติใหม่ รวมถึงมีแผนออกซอส CBD ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ด้วยปัญหา Packaging ที่เริ่มคลี่คลายได้เร็ว ทำให้บริษัทฯ เลื่อนแผนขยายกำลังการผลิตขึ้นมาเป็นไตรมาส 1/2565 จากเดิมครึ่งปีหลัง 2565 โดยจะมีกำลังการเพิ่มราว 40% – 50% เป็นการขยายไลน์กลุ่มซอส ซึ่งมี Demand ดีและมาร์จิ้นสูง
สำหรับราคาวัตถุดิบโดยรวมปรับขึ้นค่อนข้างน้อย มีเพียงน้ำตาลปรับขึ้น 5% – 10% (สัดส่วนน้ำตาลคิดเป็น 6% ของต้นทุนรวม) เป็นการปรับขึ้นต่ำกว่าราคาน้ำตาลตลาดโลก เพราะบริษัทฯ มีการทยอยล็อกราคาน้ำตาลล่วงหน้ามาโดยตลอด ปัจจุบันล็อคราคาวัตถุดิบยาวไปถึงสิ้นปี 2565 แล้ว เช่นเดียวกับ Packaging มีเพียงกล่องกระดาษที่ราคาปรับขึ้น 10% ซึ่งต้นทุนกล่องกระดาษคิดเป็นเพียง 4% ของต้นทุนรวม
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ไว้ที่ 455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2565 ไว้ที่ 469 ลบ. เพิ่มขึ้น 3.10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสมมติฐานรายปี 2565 ของทางฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ เพิ่มขึ้น 6.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของผู้บริหารพอสมควร และคงเป้าที่ 22 บาท (อิงค่า PE เดิม 20 เท่า) แนะนำ “ซื้อ”