KTC ส่งซิกรายได้-กำไรปี 65 “นิวไฮ” ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อทะลุ 1 แสนลบ.
KTC ส่งซิกรายได้-กำไรปี 65 ฟื้นทำ “นิวไฮ” คาดธุรกิจปีหน้าเติบโตหลายมิติ และได้รับอานิสงส์จากภาพรวมกำลังซื้อของประเทศฟื้นตัว ตั้งเป้าดันพอร์ตสินเชื่อโตเกิน 1 แสนลบ.
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ว่า โดยคาดในปี 2565 บริษัทฯ จะมีรายได้และกำไรที่ทำสถิตสูงสุดอีกครั้ง โดยตั้งเป้าจะทำกำไรทั้งในงบเฉพาะกิจการ และงบรวมทำนิวไฮไม่ควรต่ำกว่า 6 พันล้านบาท เนื่องจากมองว่าธุรกิจในปีหน้าจะเติบโตในหลายมิติ และได้รับอานิสงส์จากภาพรวมกำลังซื้อของประเทศฟื้นตัว ขณะที่ตั้งเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตเกิน 1 แสนล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะปิดปี 2564 ที่ 9.50 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 4/2564 การปล่อยสินเชื่อดีขึ้นทันทีตั้งแต่เดือน ต.ค.หลังจากทางการคลายล็อกดาวน์
“เราดูสภาพตลาด ดูสภาพการแข่งขัน เรากำลังคิดว่า ตัวเลข Portfolio ปิดปีนี้ที่ 9.50 หมื่นล้านบาท เรามีความรู้สึกเราอยากโตเกิน 1 แสนล้านบาท ตอนนี้เรา work กับธนาคาร (ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB) ซึ่งธนาคารก็เห็นชอบว่าพอร์ตเกินแสนล้านบาทอยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้ โดยธนาคารก็จะร่วมมือกับเรากำหนดเป้าให้ชัดเจนให้ไปถึงจุดนี้ได้” นายระเฑียร กล่าว
ด้านนายชุติเดช ชยุติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน KTC เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายกลับมาเติบโตได้ 10% ใกล้ฐานเดิมในปี 2562 จากปี 2564 ที่คาดว่าจะติดลบ 1% และปี 2563 ติดลบ 8% หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไตรมาส 3/2564 แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 จะสามารถเติบโตดี
ส่วนยอดสินเชื่อส่วนบุคคลตั้งเป้าหมายในปี 2565 เติบโต 7% ใกล้เคียงฐานเดิมในปี 2562 และสินเชื่อพี่เบิ้มตั้งเป้ายอด 2,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ 1,500 ล้านบาท และสินเชื่อเช่าซื้อ 1,000 ล้านบาท
สำหรับยอดบัตรใหม่ในปี 2565 ตั้งเป้าไว้ที่ 2.50 แสนบัตร จากปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวนบัตรใหม่ราว 1.50 – 1.70 แสนบัตร
“ปี 2565 น่าจะมีจังหวะดีกว่าปีนี้ เพราะไม่มีการปิดเมือง ก็น่าจะทำได้ 2.50 แสนใบ ใกล้เคียงปี 2562 และปี 2565 กำไรดีกว่าปี 2564 ” นายชุติเดช กล่าว
ทั้งนี้นายระเฑียร ยังกล่าวถึงมาตรการรวมหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า มาตรการนี้จะส่งผลดีกับ KTC โดยบริษัทฯ โฟกัสเรื่องคุณภาพหนี้มากว่าปริมาณ นอกจากนี้ KTC กับธนาคารมีความร่วมมือกันอยู่แล้วและจะมีมากขึ้นในปีหน้า โดย KTC เข้มงวดกระบวนการอนุมัติและติดตามหนี้