3 โบรกเชียร์ซื้อ XO เป้าสูงสุด 30 บ. มองผลงาน Q4 ฟื้น ดันกำไรทั้งปีแตะ 460 ลบ.
3 โบรกเชียร์ซื้อ XO ให้ราคาะเป้าหมายสูงสุด 30 บ. มองผลงาน Q4/64 สดใสรับเปิดเมือง - วิกฤต supply chain คลี่คลาย หนุนกำไรทั้งปีแตะ 460 ลบ.
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์ ที่ประเมินเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO โดยมีความเห็นสอดคล้องกันว่าในช่วงไตรมาส 4/64 จะเป็นช่วงที่มีการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น
โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คงคำแนะนำซื้อ XO และคงราคาเป้าหมายปี 2565 ไว้ที่ 30.00 บาท อิงจาก PER ที่ 22.7 เท่า (PER เฉลี่ยระยะยาว) โดยมองว่าผลประกอบการไตรมาส 4/64 – ปี 2565 จะฟื้นตัวจากที่ประสบปัญหา supply chain สะดุด
โดยคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน แต่น่าจะยังต่ำกว่า 400 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าต้องการที่จะมั่นใจว่าปัญหา supply chain สะดุดจะถูกแก้ไขทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่ารายได้จะฟื้นตัวขึ้นเป็น 400-450 ล้านบาท ต่อไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 1/65 และตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ปี 2565 ไว้ที่ 10-15% เทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะวางจำหน่ายซอสกัญชงตัวใหม่ภายในปีนี้ หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ตัวแรกได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างดี นอกจากนี้ XO ยังบอกเป็นนัยว่ากำลังพิจารณาเร่งการขยายสายการผลิตใหม่เร็วขึ้นเป็นไตรมาส 1/65 จากเดิมที่กำหนดไว้ในช่วงกลางปีหน้า ทั้งนี้ เมื่อประกอบกับการปรับปรุงสำนักงานของบริษัท จึงคิดว่าค่าเสื่อมราคาอาจจะสูงกว่าประมาณการอีกราว 5-7 ล้านบาท แต่จะไม่ได้กระทบกับประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัยอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จึงยังคงประมาณการกำไรสุุทธิปี 2564 เอาไวเท่าเดิมที่ 460 ล้านบาท และปี 2565 ที่ 560 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ระบุคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 24.00 อิง PER ปี 2564 ที่ 23 เท่า มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้น หลังคลายกังวลประเด็นปัญหาเรื่อง Supplier packaging มากขึ้นหลังจากที่ supplier เริ่มกลับมาส่งมอบใกล้เคียงระดับปกติ ทำให้บริษัทเริ่มเจราจากับลูกค้าอีกครั้ง ส่งผลให้คาดว่าออเดอร์จะกลับเข้าสู่ปกติได้ในไตรมาส 1/65
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายไลน์การผลิตกลุ่มซอสให้เร็วขึ้น โดยคาดจะเริ่มสร้างไลน์การผลิตใหม่ในไตรมาส 1/65 จากเดิมที่จะเริ่มช่วงครึ่งหลังปี 65 และคาดจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาส 4/65 ซึ่งไลน์การผลิตใหม่จะสามารถสร้างรายได้กลุ่มซอสเพิ่มอีกราว 600-700 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันที่ 800 ล้านบาท ต่อปี
ทั้งนี้ คงกำไรสุทธิปี 2564 โตเพิ่มขึ้น 41% จากปีก่อน และปี 2565 โต 9% จากปีก่อน เป็น 449 ล้านบาท และ 491 ล้านบาท ตามลำดับ โดยคาดรายได้ไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากออเดอร์ที่ค้างส่งในไตรมาส 3/64 ราว 60 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกำไรไตรมาส 4/64 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 3/64 เนื่องจากถึงแม้ปัญหา Supplier ที่เริ่มกลับมาดีขึ้น แต่กว่าที่ออเดอร์จะกลับมาปกติคาดใช้เวลา 2-3 เดือน ในขณะที่กำไรปี 2565-66 มี upside จากการขยายไลน์การผลิตกลุ่มซอส ที่จะสามารถเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4/65
ด้านราคาหุ้น underperform SET -22% ในช่วง 3 เดือน จากกำไรที่ลดลงในไตรมาส 3/64 โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจาก 1) ปัญหา Supplier เริ่มคลี่คลายลง, 2) กำไรปี 2565 มี upside จากการขยายไลน์ การผลิตซอสราว 7,000 ตันต่อปี และการเพิ่มงบ listing fee เป็น 20-25 ล้านบาท และ 3) Valuation น่าสนใจที่ PER ปี 2564 ที่ 17 เท่า ซึ่งมองว่าราคาหุ้นควรเทรดที่ Premium จาก Net profit margin ปี 2565 อยู่ที่ 29% ซึ่งทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 23% และมี ROE ในปี 2565 ที่ 33% สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 7 ปีที่ 22%
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (23 พ.ย. 2564) ประเมินว่า XO จะมีกำไรไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ราว 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.90% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 21.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน กลับมาฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ภายหลังปัญหา Packaging Supply Chain คลี่คลายจนเกือบเป็นปกติแล้ว เหลือเพียงเร่งกำลังการผลิตให้กลับมาส่งมอบสินค้าให้ทัน
ทั้งนี้คาดรายได้จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 368 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.60% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 18.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตจะฟื้นตัวอีกครั้งมาอยู่ที่ราว 70% – 75% คาดอัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวสูง สามารถหักล้างค่าใช้จ่ายที่จะสูงขึ้นเล็กน้อยจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นราว 1 – 2 ล้านบาทต่อไตรมาส จากการ Renovate ออฟฟิศที่กทม. (มูลค่าปรับปรุง 15 ล้านบาท)
นอกจากนี้ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 10% – 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อที่ยังดูสดใส ส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนค่า Listing Fee ให้กับ Distributor ในปีนี้ ทำให้มี Outlet ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และยังมีแผนสนับสนุนต่อในปี 2565 รวมถึงมีแผนกลับไปร่วมออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศอีกครั้ง และล่าสุดเริ่มรับรู้รายได้ซอสกัญชงตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 และอยู่ระหว่างพัฒนารสชาติใหม่ รวมถึงมีแผนออกซอส CBD ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ด้วยปัญหา Packaging ที่เริ่มคลี่คลายได้เร็ว ทำให้บริษัทฯ เลื่อนแผนขยายกำลังการผลิตขึ้นมาเป็นไตรมาส 1/2565 จากเดิมครึ่งปีหลัง 2565 โดยจะมีกำลังการเพิ่มราว 40% – 50% เป็นการขยายไลน์กลุ่มซอส ซึ่งมี Demand ดีและมาร์จิ้นสูง
สำหรับราคาวัตถุดิบโดยรวมปรับขึ้นค่อนข้างน้อย มีเพียงน้ำตาลปรับขึ้น 5% – 10% (สัดส่วนน้ำตาลคิดเป็น 6% ของต้นทุนรวม) เป็นการปรับขึ้นต่ำกว่าราคาน้ำตาลตลาดโลก เพราะบริษัทฯ มีการทยอยล็อกราคาน้ำตาลล่วงหน้ามาโดยตลอด ปัจจุบันล็อคราคาวัตถุดิบยาวไปถึงสิ้นปี 2565 แล้ว เช่นเดียวกับ Packaging มีเพียงกล่องกระดาษที่ราคาปรับขึ้น 10% ซึ่งต้นทุนกล่องกระดาษคิดเป็นเพียง 4% ของต้นทุนรวม
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ไว้ที่ 455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2565 ไว้ที่ 469 ลบ. เพิ่มขึ้น 3.10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสมมติฐานรายปี 2565 ของทางฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ เพิ่มขึ้น 6.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของผู้บริหารพอสมควร และคงเป้าที่ 22 บาท (อิงค่า PE เดิม 20 เท่า) แนะนำ “ซื้อ”