โบรกฯแนะ “ซื้อ” CK เป้า 26 บ. ชี้ปี 65 จ่อปิดดีลโครงการใหม่ หนุนแบ็กล็อกทะลุแสนล้าน
“ฟินันเซีย” มองบวก CK ชี้ปี 65 จ่อปิดดีลโครงการใหม่ ลุ้นประมูลงานใหม่ตั้งเป้า 8 โครงการ มูลค่ารวม 2.8 แสนล้านบาท หวังหนุนแบ็กล็อกทะลุแสนล้าน เชียร์ “ซื้อ” เป้า 26 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ย.64) ประเมินต่อ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ว่าแนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2564 ธุรกิจก่อสร้างฟื้นตัวขึ้น หลังเร่งกลับมาก่อสร้างได้ตามปกติโดยเฉพาะความคืบหน้าของรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลัก และถูกกระทบหนักจากการปิดแคมป์ในไตรมาส 3 ปี 2564 รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก BEM ที่ดีขึ้นหลังการโควิดคลายตัวและคลายล็อกดาวน์
อย่างไรก็ดี ส่วนแบ่งกำไร CKP คาดหดตัวหลังผ่านปริมาณน้ำหลังผ่าน High Season ในไตรมาส 3 ปี 2564 รวมถึงไม่มีบันทึกปันผลรับจาก TTW เหมือนกับไตรมาส 2 ปี 2564 ถึงไตรมาส 3 ปี 2564 ท่ามกลาง SG&A ที่ทรงตัวสูงเนื่องจากยังไม่มีการย้ายคนไปยังงานใหม่ ส่งผลให้คาดผลประกอบการหลักไตรมาส 4 ปี 2564 มีโอกาสเป็นขาดทุน
นอกจากนี้ Backlog ปัจจุบันถือว่าไม่สูง 2.6 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี มีงานรอเซ็นอย่างรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่ง CK JV กับ STEC เสนอราคาต่ำสุดในสัญญา 2 และ 3 โดยนักวิเคราะห์คาดว่ารับงานราว 2.3 หมื่นล้านบาท (สมมติฐานถือหุ้น 50%) ซึ่งบริษัทเชื่อว่าเซ็นสัญญาได้ในปลายปีนี้ ขณะที่ตั้งเป้าเข้าร่วมประมูลงานใหม่ที่คาดเปิดประมูลปี 2564-2565 จำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 2.8 แสนล้านบาท
สำหรับโครงการที่มีความชัดเจนในปลายปีนี้คือ 1) รถไฟฟ้าสีม่วงใต้ 7.9 หมื่นล้านบาท ขายซอง 11 พ.ย.-24 ธ.ค. ยื่นซอง 27 ธ.ค. 2) โครงการขยายกำลังการผลิตโรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์ 6.5 พันล้านบาท ขายซอง 29 ต.ค.-14 ธ.ค. ยื่นซอง 15 ธ.ค. ส่วนปี 2565 คาดมีความคืบหน้าในหลายโครงการ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีส้ม คาดขายซอง ไตรมาสแรกของปี 2565 ตะวันตก ซึ่งมีงานก่อสร้าง 9.6 หมื่นล้านบาท รวมถึงโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร 3.4 พันล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีแดง 4 สัญญา 6 หมื่นล้านบาท รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางของ CKP 8.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าได้ข้อสรุปในปีหน้า
อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2565 ที่ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยแรงขับเคลื่อนในปีหน้ามาจาก 1) ธุรกิจรับเหมา หลังเซ็นสัญญาหลายโครงการใหม่ ทั้งโครงการที่ชนะประมูลแล้วอย่างรถไฟทางคู่เด่นชัย ซึ่งคาดเริ่มงานในช่วงต้นปีหน้า และโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง ซึ่งปัจจุบันมีการเริ่มงานล่วงหน้าบางส่วนแล้วราว 2 พันล้านบาท ซึ่งหากเซ็นสัญญาจะรับรู้รายได้ทันที
สำหรับโครงการใหม่ที่มีโอกาสรับเข้ามาเติมอย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งหากชนะประมูล จะเริ่มงานใน ครึ่งปีหลังของปี 2565 โดยคงคาดรายได้ก่อสร้างปี 2564-2565 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 1.86 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ 2) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม โดยเฉพาะการฟื้นตัวจากฐานต่ำของ BEM
นอกจากนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์งบไตรมาส 4 ปี2564 ถึงไตรมาสแรกของปี 2565 ยังไม่สดใส แต่คงมีมุมมองบวกและให้น้ำหนักต่อทิศทางธุรกิจรับเหมาที่เป็นขาขึ้นรอบใหม่ หนุนจากปริมาณงานในมือที่คาดเร่งขึ้นเป็น 4.6 หมื่นล้านบาทในปลายปีนี้ และมีโอกาสทะยานแตะมากกว่าแสนล้านบาทในปีหน้า หนุนการรับรู้รายได้ตั้งแต่ ครึ่งปีหลังของปี 2565 และเร่งตัวขึ้นเป็น S-Curve ไปอีก 5 ปีข้างหน้า โดยระยะสั้นมี Catalyst ระยะสั้นจากประมูลรถไฟฟ้าม่วงใต้ ซึ่งมองว่า CK เป็นตัวเต็งจากความเชี่ยวชาญงานใต้ดินซึ่งมีถึง 4 สัญญา มูลค่ารวม 6.3 หมื่นล้านบาท จาก 6 สัญญา ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า CK ได้รับอย่างน้อย 1 สัญญา มูลค่า 1.5-1.9 หมื่นล้านบาท รวมถึงการเซ็นสัญญารถไฟทางคู่เด่นชัยในปลายปีนี้
ทั้งนี้ ต้องติดตามความคืบหน้าของรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่ง BEM มีแต้มต่อจากการเดินรถใต้ดิน หนุนโอกาสการรับงานโยธาของ CK ยังแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 26 บาท