“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! หลังแบงก์ชาติเกาหลีใต้ปรับขึ้นดบ.หวังสกัดเงินเฟ้อ-หนี้สินครัวเรือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเปิดการซื้อขาย หลังธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ ด้านธนาคารกลางสหรัฐเผยรายงานการประชุมล่าสุดเห็นควรเตรียมพร้อมเร่งปรับลดวงเงินในโครงการ QE

โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,469.65 จุด เพิ่มขึ้น 166.99 จุด หรือ +0.57%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,699.69 จุด เพิ่มขึ้น 14.19 จุด หรือ +0.06% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,593.39 จุด ลดลง 0.69 จุด หรือ +0.02%        

ทั้งนี้ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1% ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อและหนี้สินภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ และถือเป็นการยุติการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับใกล้ 0% เป็นเวลานานถึง 20 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในประเทศ

ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ควรเตรียมความพร้อมในการเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน

“กรรมการหลายคนของเฟดตระหนักว่า คณะกรรมการ FOMC ควรจะเตรียมความพร้อมในการปรับจังหวะเวลาในการลดวงเงิน QE และปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Federal Funds Rate) ให้เร็วขึ้นจากการคาดการณ์ในปัจจุบัน หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของคณะกรรมการ FOMC” เฟดระบุในรายงานการประชุมประจำวันที่ 2-3 พ.ย.

ขณะเดียวกันกรรมการเฟดหลายคนได้เน้นย้ำว่า “ทัศนคติเกี่ยวกับความอดทน” ที่มีต่อข้อมูลที่เฟดจะได้รับในวันข้างหน้านั้น ยังคงเป็น “ท่าทีที่เหมาะสม” ซึ่งจะช่วยให้เฟดสามารถประเมินความคืบหน้าเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน, ตลาดแรงงาน และเงินเฟ้อได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า ในขณะที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนแผนการปรับลดวงเงิน QE ลงเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์นั้น ได้มีกรรมการเฟดบางคนต้องการให้ลดวงเงิน QE ในอัตราที่เร็วขึ้น เพื่อที่จะเปิดทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น