สแกน 4 หุ้นน้องใหม่ “ไอพีโอ” ต่อคิวเทรด ธ.ค.นี้
ส่อง 4 หุ้นไอพีโอน้องใหม่ เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ช่วงเดือน ธ.ค. 64 โดย TRV ปักหมุดเทรด 2 ธ.ค.64 และ HL เตรียมเข้าเทรด 3 ธ.ค.นี้
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นไอพีโอน้องใหม่ที่เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเดือนธันวาคม 2564 พบว่ามีจำนวน 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRV, บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL, บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX และ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI
โดย นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า TRV กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 54.56 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.30 บาท/หุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 2 ธันวาคม 2564 ในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม ในชื่อหลักทรัพย์ว่า “TRV”
ขณะที่นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ความน่าสนใจของ TRV มีจุดแข็งและกลยุทธ์ ในความเชี่ยวชาญตลอดระยะเวลามากกว่า 20 ปี ได้รับความไว้วางใจในการผลิตและส่งมอบสินค้า ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปชิ้นส่วนประกอบของรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ดังต่างๆ มากมาย
โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น เป็นหนึ่งฐานลูกค้าหลักของบริษัท ซึ่งผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปนั้นนับเป็นส่วนสำคัญอย่างมากและมีความต้องการในตลาดสูง การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ จึงเป็นการสนับสนุนแผนการขยายกำลังการผลิต และการแข่งขันในตลาด เพื่อรองรับโอกาสเติบโตในอนาคต
ด้าน HL กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 9.80 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 37.57 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ และจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 3 ธันวาคม 2564 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “HL” ในหมวดธุรกิจบริการ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.82% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 11.13 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 355.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.08% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 255.95 ล้านบาท
ส่วนงวด 9 เดือนของปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.85% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 38.65 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 912.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น14.57% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 796.67 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมียอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง ยอดขายต่อสาขาเดิมมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งแนวโน้มการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญมากขึ้น ตลอดจนเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมียอดขายที่เติบโตมากขึ้นอีกด้วย ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทำให้มีอำนาจต่อรองกับ Supplier มากขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น
“การเข้าระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตของ HLได้อีกมาก เพราะทำให้มีแหล่งทุนเพิ่มศักยภาพในการขยายสาขาได้ต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทฯตั้งเป้าที่จะขยายสาขาปีละ 4-5 แห่งในพื้นที่ของกทม.เป็นหลัก จากนั้นก็จะกระจายให้ครอบคลุมไปทั่วเขตปริมณฑลตามหัวเมืองที่สำคัญ ส่วนใหญ่ขนาดพื้นที่ต่อสาขาอยู่ที่ประมาณ 80-150 ตารางเมตร และเมื่อมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมี 26 สาขา ก็จะผลักดันยอดขายเติบโต ทำให้ความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น” ภก.ธัชพล กล่าว