“ดาวโจนส์” ทรุด 900 จุด วิตก “โควิดกลายพันธุ์” ระบาดหนักฉุดศก.ฟื้นช้า
“ดัชนีดาวโจนส์” ปิดลบกว่า 900 จุด วิตก “โควิดกลายพันธุ์” ที่อาจจะดื้อวัคซีนระบาดหนัก ทำให้เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงอย่างรุนแรงในวันศุกร์ (26 พ.ย.) โดยหุ้นกลุ่มเดินทาง, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนักจากแรงเทขายท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับรายงานการพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อาจจะดื้อวัคซีน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,899.34 จุด ร่วงลง 905.04 จุด หรือ -2.53%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,594.62 จุด ร่วงลง 106.84 จุด หรือ -2.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,491.66 จุด ร่วงลง 353.57 จุด หรือ -2.23%
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในวันศุกร์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563 และในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ร่วง 2%, ดัชนี S&P500 ร่วง 2.2% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 3.5%
ดัชนีความผันผวน Cboe Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นแตะระดับ 28 ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน
โดยหุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ร่วงลง นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งดิ่งลง 6.3% ตามมาด้วยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม
ดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มธนาคาร ดิ่งลง 5.1% เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และได้ปรับลดคาดการณ์ที่ว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในสหรัฐ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วง 3.9% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วง 2.7%
ทั้งนี้ ปริมาณการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดปิดทำการวันศุกร์ครึ่งวันในเวลา 13.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 01.00 น.ตามเวลาประเทศไทย หลังจากตลาดปิดทำการวันพฤหัสบดี (25 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
โดยตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญแรงเทขายอย่างหนัก หลังมีรายงานว่าพบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาใต้ ซึ่งอาจสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ และอาจแพร่ระบาดได้มากขึ้น โดยบรรดานักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า B.1.1.529 มีการกลายพันธุ์ที่ผิดปกติ
ด้านสหภาพยุโรป, อังกฤษ และอินเดีย ประกาศควบคุมพรมแดนที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการสั่งห้ามเที่ยวบินจากแอฟริกาใต้เข้าประเทศ
สำหรับหุ้นผู้ประกอบการเรือสำราญ อาทิ คาร์นิวัล คอร์ป, รอยัล แคริบเบียน ครุยส์ และนอร์วีเจียน ครุยส์ ดิ่งลงมากกว่า 9% ขณะที่หุ้นสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส, เดลตา แอร์ไลน์ส และอเมริกัน แอร์ไลน์ส ร่วงลงเกือบ 10%
โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันอยู่แล้วจากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วขึ้นในปีหน้า เนื่องจากเงินเฟ้อในสหรัฐเพิ่มขึ้น, ข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง และประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ตัดสินใจเลือกนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2
ด้านหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ซึ่งเป็นหุ้นปลอดภัย พุ่งขึ้นสวนทางตลาด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นบริษัทผลิตวัคซีน อาทิ ไฟเซอร์, ไบออนเทค และโมเดอร์นา ซึ่งทะยานขึ้นราว 7.3-21.9%
นอกจากนี้ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ “อยู่บ้าน” (Stay-at-home) พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง อาทิ เน็ตฟลิกซ์, เพโลตัน อินเตอร์แอคทีฟ และซูม วิดีโอ คอมมิวนิเคชัน