“โนมูระฯ”ชี้ SET สัปดาห์นี้ Sideways Down รับแรงกดดัน “โอไมครอน” ระบาด-นโยบาย FED

“โนมูระฯ”ชี้ SET สัปดาห์นี้ Sideways Down รับแรงกดดัน “โอไมครอน” ระบาด-นโยบาย FED กลยุทธ์แนะนำถือหุ้น 60% เน้นกลุ่มเป็น Mega Theme พร้อมชู AMATA, CHG หุ้นเด่น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ (7-9 ธ.ค.64) มานำเสนอพร้อมปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยครั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจาก บล.โนมูระ พัฒนสิน ซึ่งระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้  “Sideways/Down” แนวต้าน 1,600-1,610 จุด,แนวรับ 1,563-1,550 จุด

สำหรับความเสี่ยงที่หลากหลายประเทศทั่วโลกจะเผชิญ กับการแพร่ระบาดระลอกใหม่จากสายพันธุ์ Omicron กำลังจะก่อให้เกิด downside ต่อเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในการประเมินความไวใน การแพร่ระบาด ความรุนแรง และความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ปัจจุบัน จึงต้องจับตาหลังจากนี้ว่าจะก่อให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้างหรือไม่

ขณะเดียวกันติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนพ.ย. วันที่ 10 ธ.ค.นี้ Consensus คาดโต  6.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนโตจากเดือนก่อนที่โต 6.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดภายในทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 4-5 พันราย/วัน แต่อย่างไรก็ดี ต้องจับตาสถานการณ์ Omicron ขณะที่การเปิดผับบาร์มีโอกาสจากเลื่อนออกไปอีก 1 เดือนจากกำหนดเดิม 16 ม.ค.2565

ส่วนหุ้นกลุ่ม SET50-SET100 Rebalance ทีมกลยุทธ์ได้อัพเดทการคำนวณหุ้นเข้า/ออก สำหรับงวดครึ่งแรกปี 2565 โดยใช้ข้อมูลครบถ้วน ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้า ออกอย่างเป็นทางการในกลางเดือน ธ.ค.2564และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2565 นี้

โดยหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ TIDLOR,BANPU,HANA และหุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 3 บริษัท คือ BJC, DELTA, STA หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 10 บริษัท คือ TIDLOR, KEX, STARK, BPP,BLA, RCL, EPG, DCC, TTA, SIRL ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 10 บริษัท คือ AAV, BJC, DELTA, ICHI, JAS, NRF, PRM, PSL, RS, TKN

นอกจากนี้ได้ประมาณการกำไรตลาดหุ้นไทยปี 2564-2565 เริ่มปรับตัวลงสู่ระดับ 85.44 บาท/หุ้น และ 95.5 บาท/หุ้น ตามลำดับ หลังเริ่มมีความเสี่ยงเข้ามาเพิ่ม คือ การแพร่ระบาดของสายพันธ์ Omicron อาจจะทำให้เศรษฐกิจมี downside ได้ โดยการเคลื่อนไหวของ EPS ในเดือนที่ผ่านมา กลุ่มที่ถูกปรับ EPS ขึ้นมากที่สุด คือ HEALTH โต 13.8%, PETRO โต 6.9% และ ETRON โต 4.9% ขณะที่กลุ่มที่ถูกปรับ EPS ลงมากที่สุด ได้แก่ TRANS พลิกเป็นติดลบ, CONSTRUCT ลดลง 59.8%, FOOD ลดลง 13.8%

ด้านกลยุทธ์การลงทุน : จิตวิทยาการลงทุนยังถูกกดดันด้วย Omicron และนโยบาย FED แนว รับ 1,570-1,560 จุด ยังทำงานอยู่บ้าง แนะนำถือหุ้น 60% กรณี SET หลุดกรอบ 1,550 1,530 จุด มองเป็นโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักหุ้นเพิ่มอีก 5% เป็น 65% เพื่อการลงทุนระยะ กลางถึงยาว เน้นกลุ่มที่เป็น Mega Theme ได้แก่ โรงไฟฟ้า GPSC, GULF) กลุ่มสื่อสารฯ (ADVANC, TRUE) ส่งออก(KCE, HANA. SAPPE) กลุ่มธนาคาร SCB, KBANK), กลุ่ม Consumer Finance (JMT, TIDLOR) ส่วนพอร์ตระยะสั้นหลุด 1,560 จุด ให้กระชับพอร์ต

สำหรับหุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : แนะนำ AMATA, CHG  โดย AMATA แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 25 บาท  ศบศ.หนุนมาตรการดึงต่างชาติลงทุนเน้น Cloud+Tech ส่วน CHG แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 47.8 บาท ชูหุ้น Defensive  บวกกับลูกค้า Non-Covid หื้น และลูกค้า Covid ยังเสริม

Back to top button