“รมช.สธ.” แจ้งพบผลบวก 1 ราย กลุ่มเสี่ยงสูง “โอไมครอน” เป็นเจ้าหน้าที่โรงแรม
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยพบผลบวก 1 ใน 17 กลุ่มเสี่ยงสูง “โอไมครอน” เป็นเจ้าหน้าที่โรงแรม อย่างไรก็ก็ตามรายดังกล่าวเข้ารักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูรแล้ว พร้อมรอผลการตรวจเชื้อว่าเป็นโอไมครอนหรือไม่ประมาณ 3-4 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ธ.ค. 2564) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีตรวจพบเชื้อโอไมครอนในนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา 1 ราย และมีผู้เสี่ยงสูง 17 ราย ว่า สถานการณ์ล่าสุดยังเป็นข้อมูลเดิม คือพบผู้ติดเชื้อเพียง 1 ราย ต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยจากการสอบสวนโรคมีผู้เสี่ยงสูงทั้งหมด 17 ราย
เนื่องจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีผลเป็นลบ 16 ราย และมีผลเป็นบวก 1 ราย ซึ่ง 1 รายที่มีผลเป็นบวก เป็นเจ้าหน้าที่โรงแรมที่เป็นผู้ส่งอาหารให้นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯคนดังกล่าว โดยดำเนินการสอบสวนโรคกับเจ้าหน้าที่โรงแรมรายนี้แล้ว พร้อมกับนำผลบวกนั้นไปตรวจสอบว่าเป็นเชื้อโอไมครอนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ให้เจ้าหน้าที่โรงแรมรายดังกล่าวเข้ารักษาตัวที่สถาบันบําราศนราดูรแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนการสอบสวนโรคจะต้องแยกเป็น 2 ประเด็นคือ ดูว่าเขาติดเชื้อโควิดจากการเดินทางกลับต่างจังหวัด ที่ จ.อุบลราชธานีหรือไม่ หรือติดเชื้อโควิดมาจากนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯ โดยต้องรอผลการตรวจเชื้อว่าเป็นโอไมครอนหรือไม่ประมาณ 3-4 วัน
อีกทั้ง นายสาธิต กล่าวต่อว่า การเดินทางเข้าประเทศไทย ยังคงต้องให้เข้มมาตรการป้องกัน แต่อย่างไรก็ตามการพบโรคโควิด-19 กับการพบเชื้อกลายพันธุ์นั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะโรคระบาดเราไม่สามารถปิดกั้นได้ ซึ่งขณะนี้ตามข้อมูลยังไม่พบว่าเชื้อโอมิครอนมีอาการรุนแรง และตามมาตรการของสาธารณสุขไทย หากผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรง 80% สามารถใช้วิธี ฮมไอโซลูชั่นได้ และเชื่อว่าศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทยดูแลได้
นอกจากนี้ นายสาธิต ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รับทราบถึงการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว โดยจะติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อประเมินก่อนตัดสินใจความจำเป็นในการใช้มาตรการใดๆ แต่ขณะนี้ถือว่าทุกอย่างยังเดินหน้า และนายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรียกประชุมเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขประเมินสถานการณ์แล้วว่าขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีการล็อกดาวน์บางพื้นที่หลังมีการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน
ทั้งนี้เชื่อมั่นว่ามาตรการด้านสาธารณสุขของประเทศไทยยังคงเพียงพอต่อการรับมือการระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งหากมีการติดเชื้อไม่ถึง 5% หรืออัตราการเสียชีวิตไม่ถึง 2% ของจำนวนประชากรก็ยืนยันได้ว่าระบบสาธารณสุขของไทยยังรับมือไหว ส่วนการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะไม่สามารถปิดกั้นการเดินทางได้อยู่แล้ว และจากข้อมูลขณะนี้พบว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้มีอาการไม่รุนแรง
ส่วนการเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งต่างชาติและคนไทยที่กลับมาจากประเทศเสี่ยงสูงและนอกเหนือจากประเทศเสี่ยง ต้องเข้าสู่มาตรการตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งมีความเข้มข้นในการคัดกรอง