“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก! ตามดาวโจนส์ปิดพุ่งเกือบ 500 จุด หลังนลท.คลายกังวล “โอมิครอน”
“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก! ตามดาวโจนส์ปิดพุ่งเกือบ 500 จุด เมื่อคืนนี้ หลังนลท.คลายกังวล “โอมิครอน” เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ก่อให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนบวกวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,792.89 จุด เพิ่มขึ้น 337.29 จุด หรือ +1.19%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,090.02 จุด เพิ่มขึ้น 106.36 จุด หรือ +0.44% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,602.82 จุด เพิ่มขึ้น 7.73 จุด หรือ +0.22%
สำหรับตลาดหุ้นในภูมิภาคยังคงขานรับปัจจัยบวกหลังจากที่นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวได้แสดงความเห็นกับสื่อมวลชนว่า นับจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ก่อให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรง และการหาข้อมูลเพิ่มเติมยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่จะทำให้ภาพรวมความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนมีความชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การแสดงความเห็นในเชิงบวกของนายแพทย์เฟาชีมีขึ้น หลังจากสภาวิจัยด้านการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้เปิดเผยรายงานเบื้องต้นว่า ไวรัสโอมิครอนทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย และยังไม่มีรายงานบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่จะทำให้เสียชีวิต นอกจากนี้ รายงานของสภาวิจัยฯยังระบุว่า มีเยาวชนจำนวนมากขึ้นที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อไวรัสโอมิครอน แต่สถานการณ์ดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำของกลุ่มเยาวชนในแอฟริกาใต้
นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวหุ้นของบริษัทเว่ยป๋อ (Weibo) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน ซึ่งเตรียมเปิดซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นวันแรกในวันนี้ (8 ธ.ค.) โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ 272.80 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 34.98 ดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจุบัน หุ้นของบริษัทเว่ยป๋อจดทะเบียนซื้อขายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่รายงานเช้านี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวลง 3.60% ในไตรมาส 3/2564 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP หดตัวลง 3% เนื่องจากการใช้จ่ายของภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนยอดส่งออกในไตรมาส 3 ปรับตัวลง 0.90% และยอดนำเข้าลดลง 1% ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่ายอดส่งออกร่วงลง 2.10% และยอดนำเข้าลดลง 2.70%