MC มั่นใจยอดขายงวดปี 64/65 โตแกร่ง ปักธงปี 65 เปิด “แม็ค เอาท์เล็ท” ครบ 70 สาขา
MC มั่นใจยอดขายงวดปี 64/65 (ก.ค.64 -มิ.ย. 65) โตแกร่ง หลังคลายล็อกดาวน์ เผยยอดขาย "แม็ค เอาท์เล็ท" ต่อสาขาพุ่ง 2 เท่า ปักธงปี 65 เปิดครบ 70 สาขา
นายเจมส์ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การทำธุรกิจในช่วง 12-18 เดือนนับจากนี้ ในหลายด้านๆ ทั้งการสร้างการเติบโตของรายได้ การรักษาระดับมาร์จิ้นให้อยู่ในระดับเท่าเดิม หรือดีขึ้น ตลอดจนการลดการจัดโปรโมชั่นเพื่อสร้างแบรนด์ให้ชัดเจน การอัพเกรดช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ รวมถึงการบริหาร ส่วนอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีเป้าหมายลดต้นทุนชนิด 360 องศา เพื่อให้ผลดำเนินงานของบริษัทเติบโต สามารถจ่ายเงิน ปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้หนึ่งในกลยุทธ์และเป็นคีย์ที่สำคัญคือการทยอยเปิด “แม็ค เอาท์เล็ท” (MC OUTLET) ซึ่งอยู่ในสถานีบริการพีทีที สเตชั่น ของบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เพิ่มให้ครบ 70 แห่งในปี 2565 หลังจากได้เริ่มเปิดสาขาแรกที่วังน้อย เมื่อเดือนต.ค. และเปิดเพิ่มที่สระบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก โดยยอดขายต่อสาขาเพิ่มขึ้นมา 2 เท่าตัว เนื่องจากสอดรับกับพฤติกรรมของคนไทยที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นหลัก อีกทั้งการที่ยอดขายและรายได้ของแม็คยีนส์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลเปิดประเทศ กำลังซื้อและเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาก็สนับสนุนธุรกิจของบริษัทด้วย
“ข้อดีของการเปิด MC OUTLET ในสถานีบริการพีทีที สเตชั่น ของ OR ถึงแม้ว่า ประเทศจะมีการล็อกดาวน์ แต่ช้อป ในสถานีบริการน้ำมันไม่ถูกปิด และพฤติกรรมคนไทยก็มีการใช้เวลาในสถานีบริการน้ำมันนานขึ้น เพราะสถานีบริการน้ำมันได้มีการพัฒนาเป็นไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้มอลล์สำหรับคนในชุมชน ทำให้คนในชุมชนไม่เดินทางไปห้างสรรพสินค้า แต่จะเลือกมาที่สถานีบริการน้ำมันแทนเพราะมีบริการที่ครบครันและ MC OUTLET ก็เป็นช้อปที่ได้รับความสนใจ” นายเจมส์ริชาร์ด กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดปี 2564/2565 (ก.ค.2564 -มิ.ย. 2565) จะดีกว่างวดปีงวดปี 2563/2564 เนื่องจากยอดขายฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ โดยยอดขายเติบโตได้ดีจากทุกช่องทาง ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่งมีเงินสดในมือกว่า 1,800 ล้านบาท และไม่มีหนี้สินก็เป็นโอกาสให้บริษัทมองหาดีลเพื่อควบรวมกิจการที่จะสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทได้ ปัจจุบันมีการเจรจาและพิจารณาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจที่เข้ามาเสริมด้านซัพพลายเชนให้ดีขึ้น หรืออาจเป็นธุรกิจใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม ซึ่งบริษัทมีการเลือกลงทุนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด
ส่วนปัญหาราคาวัตถุดิบฝ้าย ที่ปรับตัวสูงขึ้นจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัทในช่วงนี้เพราะได้มีการซื้อล่วงหน้าไว้แล้วถึงเดือนมิ.ย.2565 ขณะที่โควิดสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน ก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดด้วย