“ดาวโจนส์” ปิดบวกกว่า 200 จุด รับสหรัฐฯเปิดตัวเลขเงินเฟ้อพ.ย. ตามคาด
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 216 จุด หลังสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่เป็นไปตามคาดในเดือนพ.ย. ซึ่งช่วยลดแรงกดดันของนักลงทุน ที่วิตกว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ (10 ธ.ค.) หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่เป็นไปตามคาดในเดือนพ.ย. ซึ่งได้ช่วยลดแรงกดดันของนักลงทุนที่วิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างรุนแรง
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,970.99 จุด เพิ่มขึ้น 216.30 จุด หรือ +0.60%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,712.02 จุด เพิ่มขึ้น 44.57 จุด หรือ +0.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,630.60 จุด เพิ่มขึ้น 113.23 จุด หรือ +0.73%
สำหรับในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 4%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.8% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 3.6%
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 6.7%
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และพุ่งขึ้น 4.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2534 สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์เช่นกัน
ขณะเดียวกันหุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้นมากที่สุด ซึ่งบ่งชี้ว่า การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์หน้า โดยบรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ นักลงทุนจะรอดูการประชุมนโยบายการเงินของเฟดอย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า รวมถึงการปรับลดอัตราการซื้อพันธบัตร
ขณะที่รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในไตรมาส 3 ของปีหน้า และจะปรับขึ้นอีกในไตรมาส 4 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่านั้น
โดยหุ้นไฟเซอร์ บวก 1.34% หลังมีรายงานว่าวัคซีนของบริษัทสามารถป้องกันไวรัสโอมิครอน
ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป พุ่งขึ้น 2.83%
อีกทั้งหุ้นบรอดคอม อิงค์ พุ่งขึ้น 8% หลังบริษัทคาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกสูงกว่าคาด และประกาศแผนซื้อคืนหุ้นวงเงิน 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งบ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 70.4 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 67.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2554 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 67.1