สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ธ.ค. 2564

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ธ.ค. 2564


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) โดยหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยล่าสุดอังกฤษยืนยันพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโอมิครอนรายแรกในประเทศ และเตือนว่าอังกฤษกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ของไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,650.95 จุด ลดลง 320.04 จุด หรือ -0.89%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,668.97 จุด ลดลง 43.05 จุด หรือ -0.91% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,413.28 จุด ลดลง 217.32 จุด หรือ -1.39%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันจันทร์ (13 ธ.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเดินทางและกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายหุ้นเพื่อรอดูการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 473.53 จุด ลดลง 2.03 จุด หรือ -0.43%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,942.91จุด ลดลง 48.77 จุด หรือ -0.70%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,621.72 จุด ลดลง 1.59 จุด หรือ -0.01% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,231.44 จุด ลดลง 60.34 จุด หรือ -0.83%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันจันทร์ (13 ธ.ค.) โดยถูกกดดันโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงิน ขณะที่รายงานการพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในสหราชอาณาจักรได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการคุมเข้มการเดินทางที่จะมีต่อการใช้จ่ายและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงสิ้นปี

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,231.44 จุด ลดลง 60.34 จุด หรือ -0.83%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอาจทำให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 38 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 76 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 74.39 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 3.5 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,788.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. 2564

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 13.3 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 22.328 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 9.6 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 924.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 75.10 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 1,674.70 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) ขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.22% แตะที่ 96.3125

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.52 เยน จากระดับ 113.42 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9220 ฟรังก์ จากระดับ 0.9209 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2795 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2728 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1289 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1311 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3218 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3257 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7138 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7169 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button