RATCH ปิดดีลซื้อ SCG ตามแผน ลุยเทนเดอร์อีก 49% หนุนพอร์ตโรงไฟฟ้าปี 68 แตะ 1 หมื่นเมกฯ
RATCH ปิดดีลซื้อ SCG รวบ 385 ล้านหุ้น มูลค่า 3.4 พันลบ. ลุยเทนเดอร์อีก 49% คาดใช้เงิน 3.2 พันลบ. หนุนพอร์ตโรงไฟฟ้าแตะ 1 หมื่นเมกฯภายในปี 68
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) หรือ SCG จากผู้ถือหุ้นจำนวน 34 ราย จำนวนทั้งสิ้น 384,789,131 หุ้น และเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SCG ซึ่งออกและจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) จำนวนทั้งสิ้น 208,695,652 หุ้น
โดย SCG ได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วกับกระทรวงพาณิชย์และภายหลัง จากการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บริษัทฯ แล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 จึงทำให้บริษัทฯ ได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ SCG จำนวนรวมทั้งสิ้น 593,484,783 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51 ของหุ้นที่ออกและ จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SCG ส่งผลให้ SCG มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
ทั้งนี้ การได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ SCG ดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ SCG จำนวนทั้งสิ้น 570,210,869 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 49 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SCG) ในราคา 5.75 บาทต่อหุ้น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือครองหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ (รวมที่ได้มีแก้ไขเพิ่มเติม)
โดยบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ประกาศเจตนาในการเข้าทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ SCG ได้ยื่นแบบประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ SCG แล้วเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564
อนึ่งก่อนหน้านี้ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทจะเข้าลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญใน SCG จากผู้ถือหุ้นปัจจุบันบางรายของ SCG และเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SCG ซึ่งจะออกและจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) รวมมูลค่าราว 3.4 พันล้านบาท ก่อนจะทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือของ SCG ซึ่งหากสามารถซื้อหุ้นได้ทั้งหมดจะต้องใช้เงินอีก 3,279 ล้านบาท
โดยการลงทุนในครั้งนี้เป็นไปตามเป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตรวมของบริษัทที่ 10,000 เมกะวัตต์ และมูลค่ากิจการรวม 200,000 ล้านบาท ภายในปี 68 และสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ต่อไป โดยบริษัทจะใช้เงินทุนกู้ หรือ เงินทุนหมุนเวียนในบริษัทเพื่อเป็นทุนสำหรับการเข้าลงทุนในครั้งนี้