สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2564

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2564


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศชัดเจนว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนมี.ค. 2565 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,927.43 จุด เพิ่มขึ้น 383.25 จุด หรือ +1.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,709.85 จุด เพิ่มขึ้น 75.76 จุด หรือ +1.63% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,565.58 จุด เพิ่มขึ้น 327.94 จุด หรือ + 2.15%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (15 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเฮลท์แคร์ที่ปรับตัวขึ้น แต่หุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงนั้นกดดันตลาดก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมตินโยบายการเงินหลังเวลาปิดตลาดหุ้นยุโรป

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 470.76 จุด เพิ่มขึ้น 1.20 จุด หรือ +0.26%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,927.63 จุด เพิ่มขึ้น 32.32 จุด หรือ +0.47%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,476.35 จุด เพิ่มขึ้น 22.79 จุด หรือ +0.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,170.75 จุด ลดลง 47.89 จุด หรือ -0.66%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพุธ (15 ธ.ค.) เป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลง และจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีก่อนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดี (16 ธ.ค.)

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,170.75 จุด ลดลง 47.89 จุด หรือ -0.66%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศชัดเจนว่าจะยุติการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนมี.ค.ปีหน้า เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 70.87 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 73.88 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ระดับ 1,764.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2564

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 37.9 เซนต์ หรือ 1.73% ปิดที่ 21.545 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 16.7 ดอลลาร์ หรือ 1.83% ปิดที่ 894.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 71.10 ดอลลาร์ หรือ 4.4% ปิดที่ 1,551.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.05% แตะที่ 96.5179 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.08 เยน จากระดับ 113.73 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9257 ฟรังก์ จากระดับ 0.9242 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2873 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2855 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1272 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1257 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3235 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3220 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7142 ดอลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7105 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button