“ฟินันเซีย” มองบวกกลุ่มอิเล็กฯ ชี้ผลงาน Q4-ครึ่งแรกปี 65 สดใส ชู KCE-HANA ท็อปพิก

“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” มองบวกเกี่ยวกับหุ้นในกลุ่ม “อิเล็กทรอนิกส์” ชู KCE-HANA เด่น คาดกำไร Q4 ถึงช่วงครึ่งแรกของปี 65 ฟื้นตัวสดใสหลังโควิดคลี่คลาย


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับมุมมองการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยจากข้อมูลในอดีตพบว่าวัฏจักรชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะมีระยะเวลาขึ้นลงในแต่ละรอบราว 2 ปีโดยเฉลี่ย ซึ่งขาขึ้นรอบนี้เริ่มจากปี 2563 และเมื่อพิจารณาตัวเลขงบลงทุนของอุตสาหกรรมปี 2563-64 เพิ่มขึ้น 10.5% จากปีก่อน และ 28.4% จากปีก่อน ตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับ Warning

โดยสถิติยอดขาย Semiconductor มักปรับลงใน 2-3 ปีถัดไป ซึ่งการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 65 อาจต้องระวังมากขึ้น เพราะ Supply ใหม่จะออกสู่ตลาด ปัญหา Chip Shortage จะคลี่คลาย และหากดีมานด์เทียมที่เกิดจาก Double Booking หายไป อาจเกิด Oversupply ระยะสั้นได้

สำหรับในปี 2565 ให้น้ำหนักการลงทุน Overweight โดยเน้นช่วงครึ่งแรกของปี เลือกบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE และบริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA จากปัจจัยดังนี้

1) คาดกำไรไตรมาส 4/64 ถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะฟื้นตัวสดใส จาก COVID-19 คลี่คลาย และคำสั่งซื้อในมือ ยาวครอบคลุมช่วงครึ่งปีแรกแล้ว คาดกำไรไตรมาส 4/64 โต 23.3% จากไตรมาสก่อน, โต 33.3% จากปีก่อน และโตต่อในช่วงครึ่งแรกของปี 65 เพราะฐานต่ำ โดยคาดกำไรปกติของกลุ่มปี 2565-66 โต 32.5% จากปีก่อน และ 11.1% จากปีก่อน ตามลำดับ

2) มองค่าเงินบาททรงตัวในกรอบ 32-33 บาท/USD ในช่วงครึ่งปีแรก และอาจแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยทั้งปีมองอยู่ในกรอบ 32-32.5 บาท/USD โดยค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงทุก 1 บาท กระทบกำไรของกลุ่ม 3%-4.8%

3) หากเกิด Oversupply ในช่วงครึ่งหลังของปี 65 ถึงช่วงปี 66 มองว่า KCE และ HANA ถูกกระทบน้อยสุด เนื่องจาก KCE ผลิต PCB (ไม่ใช่ Semiconductor ต้นน้ำ) สำหรับ Automotive เป็นหลักและจะได้ประโยชน์มากสุดจาก EV Car ส่วน HANA แม้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่กำลังผลิตสินค้าใหม่ SiC เป็นเทคโนโลยีใหม่ และเป็นที่ต้องการของ EV Car จะเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 3/65 น่าจะเข้ามาช่วยหักล้างได้

4) มองบวกต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในระยะยาว เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว แม้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ End Product จะมีวงจรสั้น และถูก Disrupt ได้ตลอดเวลา แต่ชิ้นส่วนต้นน้ำอย่าง Semiconductor และ PCB จะไม่ถูก Disrupt เพราะเป็นชิ้นส่วนพื้นฐานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ยิ่งทันสมัยมากขึ้น เป็นระบบดิจิตอลมากขึ้น ยิ่งต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากกำไรปกติไตรมาส 4/64 เป็นไปตามคาด กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะมีกำไรปกติปี 2564 ทำนิวไฮที่ 11,540 ล้านบาท เติบโต 17% จากปีก่อน นำโดย บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT โต 174.7% จากปีก่อนจากฐานที่ต่ำ, KCE โต 118.5% จากปีก่อน และ HANA โต 44.7% จากปีก่อน

ขณะที่ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เป็นเพียงบริษัทเดียวที่คาดมีกำไรปกติลดลง 9% จากปีก่อน ส่วนหนึ่งเพราะฐานกำไรที่สูงในปี 2563 และผลกระทบจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น (บริษัทไม่ผลักให้กับลูกค้า) และปัญหา Chip Shortage ทั้งนี้หากไม่รวม DELTA พบว่ากำไรปกติของกลุ่มปี 2564 จะเติบโตสูงถึง 75% ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกที่สดใสมากในปีนี้

Back to top button