โบรกฯชู CK ท็อปพิก “รับเหมา” เป้า 26 บ. ตัวเต็งสายสีม่วงใต้-ส้ม จับตาผลงานขาขึ้นรอบใหม่
“ฟินันเซียฯ” ชู CK ท็อปพิก “กลุ่มรับเหมาฯ” หลังเป็นตัวเต็งทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และสายสีส้ม ที่จะช่วยปลดล็อกงานในมือปัจจุบันที่ระดับต่ำและหนุนธุรกิจรับเหมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่ แนะนำ “ซื้อ” เป้า 26 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ธ.ค. 2564) ว่า ภาพรวมธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีทิศทางฟื้นตัว แม้ยังเผชิญการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ แต่รัฐยังมีการผลักดันโครงการใหม่ ทั้งรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และช่วงบ้านไผ่-นครพนม รวมถึงความคืบหน้าของรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้
สำหรับปี 2565 ทางฝ่ายวิจัยมองว่า การลงทุนภาครัฐจะเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากทั้งโครงการ EEC และรถไฟทางคู่สายใหม่ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการก่อสร้าง รวมถึงคาดเห็นการเปิดประมูลโครงการใหญ่กว่า 11 โครงการ วงเงินรวม 4.80 แสนล้านบาท อาทิ รถไฟฟ้าสายสีส้ม, สายสีแดงต่อขยาย, รถไฟทางคู่เฟส 2, ทางด่วนและมอเตอร์เวย์หลายสาย รวมถึงโครงการพัฒนาสนามบิน สำหรับภาคเอกชนคาดทยอยฟื้นตัวจากการก่อนสร้างโครงการที่อยู่อาศัยที่กลับมารุกเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น รวมถึงการเร่งลงทุนโครงการพื้นฐานของภาครัฐจะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของเอกชนให้กลับมาลงทุนได้ในระยะถัดไป
ขณะเดียวกันรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 7.80 หมื่นล้านบาท ระยะทาง 23.60 กิโลเมตร แบ่งเป็น 6 สัญญา เป็นงานก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน จำนวน 4 สัญญา, ทางยกระดับ 1 สัญญา และงานวางระบบราง 1 สัญญา เปิดขายซองวันที่ 11 พ.ย. ถึง 24 ธ.ค. และยื่นซอง 27 ธ.ค. 2564 คาดได้ผู้ชนะเดือน ก.พ. 2565
โดยทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าผู้เข้าประมูลหลักยังเป็น Main Contractor อย่าง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK, บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC, บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ซึ่งมีศักยภาพในการรับงาน ทั้งการเข้าประมูลแบบเดี่ยวและ JV ขณะที่งานโครงสร้างใต้ดินมีถึง 4 สัญญา จากทั้งหมด 6 สัญญา ทำให้มองว่า CK, ITD เป็นตัวเต็งจากความผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์งานอุโมงค์ รวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดิน โดย STEC มีโอกาส JV กับ CK เพื่อเข้าประมูล ส่วน ITD ซึ่งมีประสบการณ์งานอุโมงค์ไม่มากคาดเน้นเข้าประมูลในงานยกระดับและวางระบบรางเป็นหลัก ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายคลึงกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ขณะที่ผู้รับเหมางานฐานรากอย่าง บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO, บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON มีโอกาสรับงาน Sub-contract
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยประเมินผลการดำเนินงานหลักของกลุ่มฯในไตรมาส 4/2564 จะยังไม่เด่น โดยฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนจากฐานต่ำในไตรมาส 3/2564 ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งปิดแคมป์ก่อสร้าง 1 เดือน แต่ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงกว่าปีก่อนหน้า ทำให้ฝ่ายวิจัยมองว่าประมาณการกำไรกลุ่มฯปี 2564 ของทางฝ่ายวิจัยอยู่ที่ 1.20 พันล้านบาท ลดลง 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยังเป็นไปได้ โดยงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 คิดเป็น 90% ของคาดการณ์ทั้งปี
ทั้งนี้ปี 2565 ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่า กำไรปกติของกลุ่มฯ จะขยายตัวได้อีกครั้ง เพิ่มขึ้น 148% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3.10 พันล้านบาท หลังจากที่ชะลอติดต่อกัน 3 ปีก่อนหน้า และกลับมาเป็นระดับใกล้เคียงกับปี 2563 ซึ่งมีปัจจัยขับเคลื่อนจาการเร่งโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ หนุนปริมาณงานในมือที่สูงขึ้น อีกทั้งยังบรรเทาสถานการณ์การแข่งขันที่สูงเป็นบวกต่อทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น
อนึ่งทางฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจาก “เท่ากับตลาด” เป็น “มากกว่าตลาด” เนื่องจากหลายโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐมีกรอบเวลาประมูลที่เป็นรูปธรรมตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 ต่อเนื่องในปี 2565 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มฐานงานในมือทำสถิติใหม่ อีกทั้งยังมีโครงการขนาดใหญ่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการก่อสร้างในกลางปีหน้า โดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับ EEC จะหนุนรายได้ของกลุ่มรับเหมาฯ ซึ่งจะเป็นขาขึ้นตั้งแต่กลางปี 2565 เป็นลักษณะ S-Curve รองรับการเติบโตไปอย่างน้อย 3-5 ข้างหน้า
สำหรับระยะสั้นมี Catalyst หนุนราคาหุ้นและเปิดโอกาสเก็งกำไรจากการยื่นซองรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ในวันที่ 27 ธ.ค. 2564 รวมถึงรถไฟทางคู่ 2 สายที่คาดลงนามสัญญาได้ภายในเดือนม.ค. 2565 ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยเลือก CK เป็น Top Pick ในฐานะตัวเต็งทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และสายสีส้ม ซึ่งจะเป็นประเด็นปลดล็อกงานในมือปัจจุบันที่ระดับต่ำ และหนุนธุรกิจรับเหมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่ อย่างไรก็ดีแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท