เปิดโผ 17 หุ้นเด่นตีปีกรับ ”ช้อปดีมีคืน-คนละครึ่งเฟส 4”
เปิดโผ 17 หุ้นเด่นตีปีกรับมาตการ ”ช้อปดีมีคืน-คนละครึ่งเฟส 4” เน้น 5 กลุ่มหลัก “ท่องเที่ยว-ค้าปลีก-ขนส่ง-ห้าง-สินเชื่อ” รับอานิสงส์เต็ม SPVI,JMART, HMPRO,DOHOME,CRC,CPN และ AEONTS นำทีมเด่น
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลหลังวานนี้(21ธ.ค.64) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติเห็นชอบมาตรการชุดใหญ่ที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 ให้แก่ประชาชนจากหลายกระทรวง อาทิ โครงการช้อปดีมีคืน,คนละครึ่งเฟส 4 เป็นต้น
โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์โดยครั้งนี้อาศัยและอ้างอิงข้อมูลมาจากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ซึ่งแนะนำ 17 หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์มากสุด โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่มหุ้นได้แก่ 1.กลุ่มท่องเที่ยวได้แก่ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL และ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW
2. กลุ่มอุปโภค-ค้าปลีก-ICT-อาหาร โดยแนะนำซื้อ อาทิ กลุ่มอุปโภคบริโภค บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือCRC, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือCPALL, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI, บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO, บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS, บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M
3.กลุ่มขนส่ง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM,4.กลุ่มห้างสรรพสินค้า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN และ 5.กลุ่มการเงิน บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS
ทั้งนี้บริษัทจดทะเบียนที่จะได้ประโยชน์โดยตรง ได้แก่กลุ่มค้าปลีกโดยเฉพาะกลุ่มที่ขายสินค้า IT อาทิ COM7([email protected]), SPVI([email protected]), JMART([email protected]), กลุ่มตกแต่งบ้าน อาทิ HMPRO([email protected]), DOHOME([email protected]) กลุ่มห้างสรรพสินค้า เช่น CRC([email protected]), CPN([email protected]) กลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิต AEONTS (FV@B280)
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่ผ่านมา และล่าสุดเคาะฟื้นโครงการ “ช้อปดีมีคืน-คนละครึ่งเฟส 4” ส่วนใหญ่โบรกเกอร์มองว่าหุ้นใน 5 กลุ่มหลักดังกล่าวจะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์เด่นสุด
โดยวานนี้(21ธ.ค.64) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบและรับทราบมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 65 (มาตรการของขวัญปีใหม่) เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/65 เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 0.7%
โดยเฉพาะมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่ 1.1 มาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2565 กำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในประเทศเท่าที่ได้จ่ายไปให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.65 ไม่รวม ค่าสุรา เบียร์ และไวน์ ค่ายาสูบ ค่าน้ำมันและก๊าซเติมยานพาหนะ ค่าบริการจัดนำเที่ยว ค่าที่พักในโรงแรม ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
1.2 มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% (เฉพาะการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกัน) สำหรับที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินไม่เกิน 3 ล้านบาท ครอบคลุมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด มีผลบังคับใช้สำหรับการโอนและจดจำนองตั้งแต่วันถัดจากวันที่เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทยในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.65
นอกจากนี้รมว.คลัง ยังกล่าวถึงโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.64 จะไม่มีการขยายระยะเวลาออกไป จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังมีสิทธิคงเหลืออยู่เร่งออกมาใช้จ่าย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยมีทิศทางดีขึ้น รวมถึงนโยบายการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.64 ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคยังมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับศักยภาพของภูมิภาคต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างศึกษาและพัฒนาระบบ รวมทั้งปรับปรุงรูปแบบที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการคนละครึ่งในระยะต่อไป คาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการใหม่ได้ในช่วงเดือน มี.ค.65
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้(21ธ.ค.64) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งนี้โครงการ คนละครึ่ง ระยะที่ 3 กำลังจะสิ้นสุดโครงการลงในสิ้นเดือนธันวาคม 2564 คาดว่าน่าจะมีงบประมาณเหลือจากโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ราว 10,000 ล้านบาท คาดการณ์ว่าจะเริ่มโครงการในเดือนมีนาคม-เมษายน 2565 เป็นระยะเวลา 2 เดือน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รักษากำลังซื้อ และทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ยอดผู้ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีประมาณ 28 ล้านคน ซึ่งยังมีผู้ไม่ได้ใช้สิทธิ หรือใช้วงเงินไม่ครบตามกำหนด จึงทำให้มีเงินเหลือจากโครงการ สามารถนำมาดำเนินต่อในระยะที่ 4 ได้ นอกจากนี้ ที่ผ่านมาโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ทำเงินสะพัดกว่า 2.04 แสนล้าน ใช้ผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ 3.1 พันล้าน
กระทรวงการคลัง รายงานโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ข้อมูล ณ 16 ธ.ค.2564 ทำเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจแล้วกว่า 204,325 ล้านบาท มีการใช้จ่ายกับร้านค้าแต่ละประเภท ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 81,255 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 76,750 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 32,786 ล้านบาท ร้าน OTOP 9,777 ล้านบาท ร้านบริการ 3,521 ล้านบาท และขนส่งสาธารณะ 234 ล้านบาท
“คาดว่าโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 จะเริ่มต้นในเดือนมีนาคม – เมษายน 2565 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากโครงการนี้ได้รับการตอบค่อนข้างดี และเห็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรม รัฐบาลจึงเดินหน้าเพื่อทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นต่อไป” นายธนกร กล่าว