ไทยพบติดเชื้อ “โอมิครอน” สะสม 104 คน “ศบค.” สั่งตั้งศูนย์พิเศษ ติดตามนทท.ต่างชาติ
“ศบค.” แจ้งไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” แล้ว 104 คน บางส่วนรักษาหายแล้ว สั่ง “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ตั้งศูนย์พิเศษ ติดตาม-ทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย
พญ.สุมณี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักความเสี่ยงและพัฒนาสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า ขณะนี้ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 104 ราย ซึ่งมีทั้งที่อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล และรักษาหายออกจากโรงพยาบาลแล้ว
โดยปัจจุบัน พบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแล้วอย่างน้อย 95 ประเทศ และ 47 รัฐของสหรัฐอเมริกา โดยในประเทศสหรัฐฯ พบมีสัดส่วนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนมากถึง 73% ส่วนประเทศอิสราเอลมีคำสั่งห้ามพลเมืองของตนเองเดินทางไป 10 ประเทศที่มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.2564 และกำหนดมาตรการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย กำหนดมาตรการป้องกันโดยให้สวมหน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่าง
สำหรับผลประชม ศบค.ชุดใหญ่เมื่อวานนี้ที่ให้ระงับการลงทะเบียนผ่านระบบ Test&Go ไว้ชั่วคราว และจะมีการประเมินผลอีกครั้งในวันที่ 4 ม.ค.2565 โดยได้กำชับให้ทุกภาคส่วนเข้มงวดกวดขันการคัดกรอง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง หากพบการติดเชื้อก็จะสามารถจำกัดไว้ได้ในวงแคบ ซึ่งในวันนี้จะมีผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาที่สนามบินสุวรรณภูมิ 10,778 ราย และสนามบินภูเก็ต 2,546 ราย
ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้สั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดตั้งศูนย์ติดตามตัวผู้ที่เดินทางเข้ามาทุกราย โดยร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงสาธารณสุข, EOC, สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการ และโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ พร้อมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
“หลังตรวจ RT-PCR แล้ว ขอให้นักท่องเที่ยวพักอยู่ในห้องเพื่อรอผลตรวจก่อน โดยให้ผู้ประกอบการช่วยดูแลไม่ให้เดินทางออกไปก่อน และยังต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการปลอดภัย เช่น สวมหน้ากากอนามัย เพราะมีโอกาสที่จะแพร่เขื้อ หรือรับเชื้อจากคนอื่น” พญ.สุมณี กล่าว
ส่วนคนไทยนั้น ขอให้ชะลอการเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป สหรัฐอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง ขอให้ตรวจ ATK ก่อนหลับภูมิลำเนาและตรวจอีกครั้งก่อนเดินทางกลับมา, ข้าราชการห้ามลาไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น และหลังเทศกาลปีใหม่ให้ส่วนราชการกำหนดให้ข้าราชการทำงานที่บ้าน (WFH) เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สำหรับกิจการทั่วไปขอให้ยึดแนวทาง Covid Free Setting อย่างเคร่งครัด
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนยังคงมีอยู่ เช่น จังหวัดชลบุรี พบในที่ทำงาน 44% และครอบครัว 45% นั้น ทางจังหวัดได้ดำเนินมาตรการ covid free setting และ bubble and seal ในสถานประกอบการแล้ว นอกจากนี้ยังพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน เช่น คลัสเตอร์โรงงานที่ปราจีนบุรี ขอนแก่น และกรุงเทพฯ, คลัสเตอร์ตลาด ที่อุบลราชธานี สุพรรณบุรี, คลัสเตอร์งานศพ ที่สงขลา ราชบุรี, คลัสเตอร์งานแต่งงาน ที่กรุงเทพฯ, แคมป์คนงานก่อสร้าง ที่สระบุรี สระแก้ว ลำพูน, คลัสเตอร์สถานศึกษา ที่ประจวบคีรีขันธ์ ขอนแก่น, คลัสเตอร์ค่ายทหารที่อุดรธานี และคลัสเตอร์ร้านอาหาร ที่จันทบุรี
ขณะที่การฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็กอายุ 5-11 ปีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด เช่น ปริมาณวัคซีน ระยะห่างในการรับวัคซีน เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ที่มีความเหมาะสมและปลอดภัยต่อไป