“คันทรี่กรุ๊ป” มอง SET สัปดาห์นี้แกว่งแคบ แนะสะสม 16 หุ้นเด่น ชู SCB-ONEE-MAJOR
“คันทรี่กรุ๊ป” มองดัชนีสัปดาห์สุดท้ายของปีเคลื่อนไหวกรอบแคบ หากต้องการถือหุ้นข้ามปี แนะนำสะสม 16 หุ้นเด่น ชู ONEE, SCB และ MAJOR
บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์ทำการสุดท้ายของปี 2564 คาดว่าไม่มีปัจจัยที่มีนัยยะมากต่อการลงทุน ซึ่งในเชิงตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศจะมี 1) ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯในวันพุธ 2) ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐในวันพฤหัสบดี ที่ทาง Bloomberg คาดที่ 2 แสนตำแหน่ง เชื่อว่าตลาดอยากเห็นตัวเลขที่ไม่ร้อนแรง เพื่อหนุนให้ FED ยังดำเนินนโยบายคล้ายที่ประกาศไว้ 3) สถานการณ์ Omicron ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย หากมีกระแสข่าวพบการติดเชื้อที่สูงขึ้นทั้งในไทยรวมถึงต่างประเทศอาจเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมการลงทุนได้
โดยล่าสุดประเทศไทยเริ่มพบการติดเชื้อ Omicron จากคนในประเทศโดย Cluster คู่สามีภรรยาที่เดินทางกลับมาจากเบลเยียม จึงเป็นประเด็นที่ควรจับตาใกล้ชิดว่าจะเกิดการระบาดเป็นวงกว้างหรือไม่ ดังนั้นด้วยสัปดาห์ที่ SET จะเปิดทำการซื้อขายเพียง 4 วันทำการก่อนจะหยุดเทศกาลปีใหม่ยาว 4 วัน
ประกอบกับปัจจัยในสัปดาห์นี้ไม่มีอะไรโดดเด่นจึงเชื่อว่าจะเป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวออกข้างในกรอบแคบๆ ราว 1625 – 1650 สำหรับมุมมองปี 2565 ชื่อว่าจะยังเป็นปีที่ดีของ SET หนุนจาก 1) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งในปี 2564 ประเทศไทยเผชิญการระบาดตั้งแต่ต้นปี และรอบ เม.ย. – ส.ค. นับเป็นระยะเวลากว่า 5 เดือนที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเสมือนหยุดชะงัก 2) ภาวะเงินเฟ้อในประเทศไทยยังไม่ร้อนแรงเหมือนสหรัฐ เป็นเหตุให้เชื่อว่าทาง กนง. จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายทั้งปี 2565 ซึ่งจะทำให้การประเมินมูลค่าหุ้นในเชิง EYG (Earning Yield Gap) ไม่ถูกกดดัน 3) Valuation ปัจจุบันยังไม่แพง SET ซื้อขายที่ Forward PE ปี 2565 ราว 17 เท่า นับเป็นระดับใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน หากต้องการถือหุ้นข้ามปีมองว่าสามารถทำได้ ส่วนการทยอยสะสมยังแนะนำกลุ่มอิงในประเทศเป็นหลัก อาทิ ธนาคารพาณิชย์ เช่น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, กลุ่มค้าปลีก เช่น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM
รวมถึงกลุ่มโรงภาพยนตร์ อย่าง บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR อาหารและเครื่องดื่ม บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) MINT และกลุ่มสื่อ บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE และ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI
ด้าน ONEE แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.8 บาท คาดรายได้ในฝั่งของช่องทางออนไลน์จะเติบโตเฉลี่ย 16% ในช่วง 4 ปี ข้างหน้า โดยคาดจะมีสัดส่วน 28% ของรายได้ในปี 2567 หนุนจากจำนวนยอดคนติดตามที่สูงที่สุดในช่องทาง YouTube และ Facebook เทียบกับคู่แข่งในประเทศ
ขณะที่ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 10 บาท คงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมกำไรปี 2565 จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในเชิงรุกที่ 2.9 หมื่นล้านบาท (+46% จากปีก่อน) และคาดว่าการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโด “เดอะ คีย์ พระราม 3” มูลค่า 2 พันล้านบาทในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรได้อีกแรง