“เคทีบีเอสที” อัพเป้า JMT สนั่น 80 บ. ปรับกำไรปี 65 โต 64% แตะ 2.24 พันลบ.
KTBST ปรับราคาเป้า JMT ขึ้นเป็น 80 บ. จากการเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นมาที่ 2.24 พันลบ. โต 64% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการเติบโตแข็งแกร่ง
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (28 ธ.ค.64) ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ของบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ขึ้น 3% เป็น 2.24 พันล้านบาท (+64% จากปีก่อน) โดยเป็นผลจากการ ปรับ 1) เพิ่มงบลงทุนในการซื้อหนี้เสียมาบริหารเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท จากเดิม 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนโอกาสที่สถาบันการเงินจะกลับมาจำหน่ายหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นสูงตามทิศทางของสินเชื่อ จัดชั้น NPL และ SML ที่จะเพิ่มขึ้น
รวมถึง 2) รับรู้รายได้ส่วนแบ่งจากการร่วมทุน ทั้งนี้ ยังคงประมาณการรายได้ธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ปี 2565 ที่จะดีขึ้นตามมูลหนี้รับจ้างที่คาดว่าจะขยายตัว +20% จากปีก่อน จากที่หดตัวในปี 2564 ภายหลังการสิ้นสุดระยะเวลาการช่วยเหลือของสถาบันการเงินที่ปัจจุบันได้ขยายระยะเวลาช่วยเหลือถึง ธ.ค. 2564
พร้อมกันนี้ ประเมินว่ารายได้จากธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ และบริหารหนี้เสียจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง รวมทั้งเริ่มรับรู้รายได้จากการร่วมทุนกับ KBANK หนุนโดย 1) ฐานเงินทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มทุน RO ประมาณ 1.0 หมื่นล้านบาท รวมทั้งได้เงินจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ JMT-W3,
รวมถึง 2) โอกาสที่จะได้ร่วมทุนกับธนาคารอื่นเพิ่มเติมภายหลังที่ได้ร่วมทุนกับ KBANK แล้วเสร็จในไตรมาส 1/65 และ 3) NPL ที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2565 จากที่ทรงตัวในปี 2564 โดยเป็นผลของการทยอยสิ้นสุดระยะเวลาการช่วยเหลือลูกหนี้ตั้งแต่ ธ.ค. 2564 และสินเชื่อจัดชั้น SML ไตรมาส 3/64 ที่พลิกกลับมาเพิ่มขึ้นเป็น 6.7% จากที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2564
อย่างไรก็ตาม ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 80.00 บาท อิงวิธี GGM ได้ PBV ปี 2565 ที่ 5.7 เท่า หรือเทียบเท่า PEG ปี 2565 ที่ 1.0 เท่า อิง EPS เฉลี่ยปี 2564-65 ที่ +48% จากเดิมราคาเป้าหมายที่ 65.00 บาท โดยเป็นผลจากการปรับกำไรสุทธิขึ้น และทำให้ 3-yr ROE ปรับตัว ขึ้นเป็น 19% จากเดิม 15%
ทั้งนี้ประเมินว่าบริษัทควรที่จะเทรด premium มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมจาก 1) ผลกระทบที่จำกัดจาก COVID-19, 2) มีกองหนี้เสียที่มั่นคง ทั้งกองหนี้เสีย unsecured ที่มีสัดส่วน fully-amortized เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และกองหนี้เสีย secured ที่เพิ่มขึ้น ในช่วงหลังที่ประเมินว่าบริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการกองหนี้ที่มีประสิทธิภาพ และ 3) ROE ปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 12% และสูงสุดในกลุ่ม