น้ำมัน WTI ปิดบวก 7 วันติด แตะ 76.99 เหรียญ รับดีมานด์สหรัฐแกร่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ธ.ค.2564) โดยสัญญาน้ำมันปิดในแดนบวกติดต่อกัน 7 วันทำการ ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน นอกจากนี้ การร่วงลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐยังบ่งชี้ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 76.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 79.32 ดอลลาร์/บาร์เรล

โดยตลาดยังคงได้รับปัจจัยบวกผลการวิจัยของหลายสถาบันซึ่งระบุว่า ความเสี่ยงที่ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมีน้อยกว่าผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา รวมทั้งรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 3.50 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.20 ล้านบาร์เรล

อย่างไรก็ดีสัญญาน้ำมันปรับตัวในกรอบแคบๆ หลังมีรายงานว่ารัฐบาลจีนปรับลดโควตานำเข้าน้ำมันดิบสำหรับโรงกลั่นน้ำมันเอกชน และมอบโควตานำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่ให้กับโรงกลั่นขนาดใหญ่ที่สร้างมลพิษน้อยกว่า ด้วยความต้องการที่จะผลักดันการปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมนี้

ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลจีนได้มอบโควตานำเข้าน้ำมันดิบจำนวน 109 ล้านตันแก่โรงกลั่นเอกชน 42 รายในการมอบโควตารอบแรกของปี 2565 นอกจากนี้ การจัดโควตาเกือบ 40% ยังเป็นการมอบให้กับบริษัทรายใหญ่ 3 ราย ได้แก่ Zhejiang Petroleum & Chemical Corp., Hengli Petrochemical Co. และ Shenghong Group โดยบริษัทเหล่านี้มีโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่ทันสมัยและปล่อยมลพิษน้อยกว่าโรงกลั่นขนาดเล็ก (Teapot)

ทั้งนี้การจัดการโควตาดังกล่าวสอดคล้องกับแผนการรัฐบาลจีนในการปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมน้ำมันเพื่อลดมลพิษและแก้ปัญหาการดำเนินการที่ผิดกฎระเบียบ โดยขณะนี้รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งตรวจสอบโรงกลั่นขนาดเล็กหลายแห่ง หลังพบความผิดปกติเกี่ยวกับการรายงานภาษี