โบรกฯ มองกำไร DOHOME ปี 64 โตกว่าเท่าตัว เคาะเป้า 29 บ. ดันอัพไซด์พุ่ง 25%

โบรกฯ มองกำไร DOHOME ปี 64 โต 156% แตะ 1.86 พันลบ. แนะซื้อเป้า 29 บ. ดันอัพไซด์พุ่ง 25%


บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(5 ม.ค.2565) ว่า บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ระดับ 350-370 ล้านบาท ต่ำกว่าเดิมที่เคยคาดไว้ 450 ล้านบาท ยังเป็นกำไรที่โตได้เทียบไตรมาสก่อนหน้า หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และกลับมาเปิดได้ครบทุก สาขาอีกครั้ง (ไตรมาส 3/2564 ถูกปิดไป 2 สาขาในจ.สมุทรสาคร) และเป็นกำไรที่โต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะฐานต่ำในปีก่อน

โดยคาด SSSG บวกสูงราว 38% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากราคา เหล็ก ซึ่งหากไม่รวมเหล็ก คาด SSSG บวกราว 18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และด้วย Product Mix ที่เปลี่ยนแปลง โดยรายได้จากสินค้ากลุ่มก่อสร้างเพิ่มขึ้นเป็น 49%-50% จากก่อน หน้าที่ 43%-45% ของรายได้รวม ซึ่งหลักมาจากเหล็กที่สัดส่วนเพิ่มเป็น 30% จาก ไตรมาสก่อนที่ 25% และด้วยราคาเหล็กที่เริ่มทรงตัวถึงปรับลง ทำให้ไม่ได้รับผลบวก จากสต็อกราคาถูกอีกต่อไป จึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นเหล็กอ่อนลงเป็น 16% 17%-20% ในช่วง 9 เดือนปี 2564 และคาดค่าใช้จ่ายโดยรวมยังปรับตัวสูงขึ้นจากทั้งค่าใช้จ่าย สาขาใหม่ (อมตะ และสุราษฎรธานี), ค่าวัคซีนให้พนักงาน และโบนัสพิเศษ

แนวโน้มกำไรครึ่งแรกปี 2565 น่าจะกลับมาฟื้นตัวจากครึ่งหลังปี 2564 เพราะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ โดยกิจกรรมก่อสร้างในต่างจังหวัดยังอยู่ในภาวะที่ดี แต่คาดเห็นการปรับ ลดลงในแง่ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2564 ซึ่งมีฐานที่ค่อนข้างสูง (มีกำไรไตรมาสละ 500-600 ล้านบาท)

ขณะที่ราคาเหล็กในปัจจุบันเริ่มอ่อนตัวลง และน่าจะได้เห็นกำไรกลับมาโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอีกครั้ง ในครึ่งหลังปี 2565 ทั้งนี้บริษัทยังเดินหน้าขยายสาขาใหม่ 5 แห่ง ปัจจุบัน Secured ที่ดินไว้ครบหมดแล้ว คาดจำนวนสาขา Size L สิ้นปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 21 สาขา จาก 16 สาขา ณ สิ้นปี 2564 สิ่งที่บริษัทยังต้อง Monitor ต่อไปคือ ระดับ Inventory Day ที่ค่อนข้างสูงระดับ 180-200 วัน บริษัทมีเป้าหมายลดให้ไม่เกิน 150 วัน เพื่อเพิ่มระดับสภาพคล่องให้ดีมากยิ่งขึ้น ยังคาดกำไรสุทธิปี 2564-2564 ไว้ตามเดิมที่ 1,864 ลบ(โต 156.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ 1,968 ล้านบาท (+5.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)

อย่างไรก็ตาม แม้ระยะสั้นยังไม่มี Catalyst หนุนราคาหุ้น แต่เรายังมองบวกต่อการเติบโตในระยะยาว และราคาหุ้นที่ปรับ ลงมาอยู่ในโซนล่างเทรดบน PE2022-23 ที่ 28.6 เท่า และ 25.3 เท่า ตามลำดับ ทำให้ราคาเป้าหมาย 29 บาท ยังมี Upside 25% จึงคงคำแนะนำ ซื้อลงทุน

Back to top button