โบรกหั่นเป้า FSMART เหลือ 12.50 บ. พ่วงกำไร “ตู้เต่าบิน” เซ่นปัญหาชิปขาดแคลน
โบรกฯหั่นเป้า FSMART เหลือ 12.50 บ. ปรับกำไร “ตู้เต่าบิน” ปี 65 ลง สะท้อนปัญหาขาดแคลนชิปกระทบแผนขยายตู้
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART โดยภาพระยะยาวยังมองตู้บุญเติมเป็น Cash Cow ไปอีก 4 ปีข้างหน้า และกำไรจะค่อยๆ ลดลงจนเหลือศูนย์ภายในปี 2573 สะท้อนเทรนด์ Cashless Society
ทั้งนี้ คาดกำไรไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมิน ทั้งจากตู้บุญเติมหลังเพิ่งคลาย Lockdown เต็มที่เดือน พ.ย. 2564 ส่วนการเพิ่มตู้เต่าบินช้ากว่าแผน จบปี 2564 ได้ราว 600 ตู้ (เป้า 1,000 ตู้)
พร้อมคาดกำไรปี 2564 ลดลง 7% จากปีก่อน ขณะที่แนวโน้มกำไรปี 2565 ฟื้นตัวจากธุรกิจตู้บุญเติม แต่ตู้กาแฟชงสดเต่าบินซึ่งเป็น S-Curve ช้ากว่าแผน โดยคาดขยายเพิ่มเป็น 6,000 ตู้จากเดิมคาด 9,000 ตู้จากปัญหาขาดแคลนชิปและอะไหล่บางส่วน ส่งผลให้ปรับลดกำไรปี 2565 ลงเหลือ +3% จากปีก่อน การเติบโตจะเร่งตัวอีกครั้งในปี 2566-68 ที่คาด +33% CAGR พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 12.5 บาท และลดคำแนะนำลงเป็น “ถือ”
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทมีกำลังการผลิตตู้เต่าบินเฉลี่ยอยู่ที่ 10 ตู้ต่อวัน และมีแผนขยายกำลังการผลิตให้ได้ถึง 25-30 ตู้ต่อวัน ตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ ให้เพียงพอกับแผนการขยายตู้เดิมในปีนี้ที่ 8,000 – 10,000 ตู้
โดยจากการประเมิน ด้วยสถานการณ์ชิปขาดแคลนและชิ้นส่วนอะไหล่บางส่วนที่ดีเลย์ คาดบริษัทจะมีกำลังการผลิตที่ 15 ตู้ต่อวันในช่วงต้นปีนี้ และค่อยๆ เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี คาดบริษัทจะมีกำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปี 2565 ที่ 20 ตู้ต่อวัน หรือประมาณ 6,000-7,000 ตู้ต่อปี ลดลงจากแผนเดิมที่วางไว้ 9,000 ตู้ต่อปี
ส่วนตู้เต่าบินที่ถูกติดตั้งไปในปีที่แล้วมีผลประกอบการดี มียอดขายเฉลี่ยที่ 45-50 แก้วต่อวัน และราคาเฉลี่ย 35 บาทต่อแก้ว มากกว่าที่คาดไว้ที่ 35-40 แก้วต่อวันและราคาเฉลี่ยที่ 30-35 บาทต่อแก้ว สะท้อนถึงฝั่งดีมานต์ที่แข็งแกร่ง มองว่าตู้เต่าบินจะเป็น S-Curve ตัวต่อไปของ FSMART ถึงแม้จะมีดีเลย์ไปบ้างในปีนี้ แต่เชื่อว่าเป้าหมายขยายรวม 20,000 ตู้ บริษัทยังสามารถทำได้ มีความพร้อมทั้งด้านดีมานต์, ด้านการผลิต, และด้านการบริหารจัดการตู้