SC ปั๊มยอดขายปี 64 ทะลุ 2 หมื่นลบ.-ปันผลสูง โบรกฯเคาะเป้า 4.20 บ.

“ฟินันเซีย ไซรัส” แนะ “ซื้อ” SC เป้า 4.20 บ. ชี้ยอดขายปี 64 ทะลุเป้าแตะ 2.18 หมื่นลบ. ทำนิวไฮ ขณะที่ปี 65 คาดกำไรปกติแตะ 2.30 พันลบ. ขับเคลื่อนด้วยแนวราบที่แข็งแกร่ง พร้อมจ่อจ่ายปันผลสูง


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันที่ (7 ม.ค.2565) มีการประเมินต่อ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ว่าในช่วงไตรมาส 4/2564 ยอดขายรายไตรมาสโดดเด่นสุดของปีที่ 5.70 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากการเติบโตของทั้งแนวราบและคอนโด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 74% และ 26% ของยอดขายรวม ตามลำดับ โดยแนวราบไปได้ดีต่อเนื่อง 9% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจากการเน้นขายโครงการเดิม

พร้อมกับบวกกับรุกเปิดโครงการใหม่ที่กระจุกตัวในครึ่งปีหลัง 2564 กว่า 5 โครงการ โดยไตรมาส 4/2564 เปิดตัว 2 โครงการ มูลค่ารวม 1.80 พันล้านบาท ประกอบด้วย Venue ID Rama 5 (มูลค่า 500 ล้านบาท ยอดขาย 12%) และ Venue ID Westgate (มูลค่า 1.30 พันล้านบาท ยอดขาย 9%)

นอกจากนี้หนุนด้วยยอดขายคอนโดที่เพิ่มขึ้น 67% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน หลังปิดการขายโครงการ Beatniq บวกกับความคืบหน้าการขายโครงการ JV อย่าง The Crest Park Residences ท่ามกลาง Sentiment บวกจากการคลายล็อกดาวน์ และผ่อนปรนมาตรการ LTV ส่งผลให้จบปี 2564 ยอดขายรวมคาดที่ 2.18 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำ New High และสูงกว่าเป้าของบริษัทฯ ที่ 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 80% และคอนโด 20% โดยอุปสงค์แนวราบแข็งแกร่งกว่าดีกว่าเป้า 16% แตะ 1.70 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนคอนโดอยู่ที่ 4.40 พันล้านบาท แม้ต่ำกว่าเป้า 13% หลังเลื่อนแผนเปิดตัวใหม่ 1 โครงการออกไป แต่ถือว่าเพิ่มขึ้น 2.40 เท่าจากฐานต่ำในปี 2563

อีกทั้งคาดผลประกอบการไตรมาส 4/2564 ขยายตัวเด่นจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นไตรมาสดีสุดของปี เบื้องต้นประเมินกำไรปกติระดับ 650-750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้น 50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขับเคลื่อนจากการรับรู้ Backlog ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 รอส่งมอบ 5.20 พันล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4.60 พันล้านบาท และคอนโดอีก 668 ล้านบาท หลังมีปิดแคมป์ในเดือนก.ค. รวมถึงการเร่งขายและโอนใหม่ในช่วงท้ายปี

ทั้งนี้ทำให้ทางฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้รวมจะบรรลุเกินเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.90 หมื่นล้านบาท ดังนั้น ยอดขายที่สูงกว่าคาด ทำให้มองว่าประมาณการกำไรปกติของทางฝ่ายวิจัยที่ 2.07 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จะมี Upside ราว 4% และอาจดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ 5%

สำหรับความน่าสนใจอยู่ที่คอนโดที่มีบทบาทอีกครั้งหลังปี 2563-2564 ไม่มีโครงการโอนใหม่ โดยปี 2565 เริ่มรับรู้คอนโดใหม่ 3 แห่ง ประกอบด้วยโครงการ SC 2 แห่ง เริ่มโอนไตรมาส 3/2565 อย่าง SCOPE Langsuan (มูลค่า 8.30 พันล้านบาท ยอดขาย 35%) และ SCOPE Promsri (มูลค่า 1 พันล้านบาท ยอดขาย 36%) รวมถึงคอนโด JV 1 แห่งในไตรมาส 4/2565 อย่าง The Crest Park Residence (มูลค่า 3.10 พันล้านบาท ยอดขาย 15%)

นอกจากนี้มีแผนรุกเปิดโครงการอย่าง Aggressive หลักๆยังเป็นแนวราบ เบื้องต้นมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ เน้น High-End ราคามากกว่า 10 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งทางฝ่ายวิจัยคาดจะสร้างยอดขายได้ดีต่อเนื่อง จากตลาดที่อุปสงค์แข็งแกร่ง และ SC ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ถึง 17% รวมถึงยังได้อานิสงส์จากการผ่อนเกณฑ์ LTV ที่มีผลถึง 31 ธ.ค. 2565

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 2.30 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำ New High บนยอดโอนคาด 1.98 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน บน Backlog รองรับแล้ว 20%

ดังนั้นประเด็นที่น่าสนใจ ได้แก่ (1) แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2564 โดดเด่น และเป็น 1 ใน 3 รายของกลุ่มฯที่เติบโตได้จากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน เทียบกับผู้ประกอบการอีก 8 รายคาดลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน (2) รับเงินปันผลงวดปี 2564 เต็มปี คาดที่ 0.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Yield สูง 5.80% เทียบกับกลุ่มฯส่วนใหญ่จ่ายงวดครึ่งปีหลัง 2564 ราว 3% (3) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบนค่า PE ปี 2565 เพียง 6.30 เท่า และค่า PBV ที่ 0.70 เท่า เทียบกับกลุ่มฯที่ 8.60 เท่า และ 1.20 เท่า ตามลำดับ ขณะที่อ้างอิงสถิติย้อนหลัง 3 ปี (ไม่รวมปี 2563 ที่เป็น COVID-19 ระลอกแรก) พบว่าราคาหุ้น SC ปรับขึ้นในปี 2562 เพิ่มขึ้น 13% และปี 2564 เพิ่มขึ้น 20% ภายใน 4 เดือน ก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วงวันสุดท้ายของเดือนเม.ย.หรือวันแรกของเดือนพ.ค. ขณะที่ต้องติดตามจากการแถลงแผนธุรกิจของปี 2565 ในเดือนก.พ.นี้ ซึ่งอาจเปิด Upside ต่อคาดการณ์ของทางฝ่ายวิจัย

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยคงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 4.20 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

Back to top button