OSP ผนึก “ยันฮี” บุกตลาดเครื่องดื่มผสมกัญชง-กัญชา ต่อยอดธุรกิจเติบโตอนาคต
OSP จับมือ “ยันฮี” ตั้ง “โอสถสภา ยันฮี เบฟเวอเรจ” บุกตลาดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชง-กัญชา ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต
นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า OSP ได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด เพื่อจัดตั้ง บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบฟเวอเรจ จำกัด สำหรับค้นคว้า พัฒนา และทำการตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ซึ่งประกอบด้วย ใช้ หรือมีส่วนผสมที่ทำจากกัญชา (cannabis) หรือกัญชง (hemp) หรือสารสกัดจากกัญชา/กัญชง โดยในขณะนี้บริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย OSP ถือหุ้นในอัตราส่วนร้อยละ 55 ผ่านบริษัท โอสถสภา เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ขณะที่ยันฮีถือหุ้นในอัตราส่วนร้อยละ 45
สำหรับหนึ่งในกลยุทธ์หลักของ OSP คือการพัฒนาสินค้าที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเพื่อตอบกระแสการดูแลสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรให้มีอาชีพ เพิ่มรายได้ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางธุรกิจของ OSP หลังจากมีการปลดล็อกกัญชง-กัญชาออกจากการเป็นสารเสพติดและสามารถใช้ในเชิงพาณิชย์ได้นั้น OSP ก็ได้ทำการศึกษาธุรกิจเครื่องดื่มผสมกัญชง-กัญชาอย่างละเอียดรอบคอบและมองเห็นถึงแนวโน้มการเติบโต
อย่างไรก็ตามเพื่อให้สามารถนำคุณสมบัติของกัญชง-กัญชามาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยยันฮีมีพื้นฐานธุรกิจด้านการแพทย์ มีประสบการณ์จากศูนย์รักษาโรคด้วยกัญชา และยังเป็นผู้ผลิตวิตามิน วอเตอร์รายแรกในประเทศไทย ทำให้มั่นใจในศักยภาพการพัฒนาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชง-กัญชาได้เป็นอย่างดี จึงเกิดเป็นความร่วมมือในการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ในครั้งนี้
“การร่วมลงทุนระหว่างโอสถสภาและยันฮีนับเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองบริษัทมาสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ช่วยตอบความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภค โดยเฉพาะด้านการดูแลสุขภาพ ผ่านการคิดค้นพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่นำคุณประโยชน์ของกัญชง-กัญชามาใช้อย่างเต็มที่ แตกต่างจากสินค้าอื่นๆ ในตลาด ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี” นางวรรณิภา กล่าว