“ดาวโจนส์” ดิ่ง 500 จุด หวั่นเงินเฟ้อพุ่ง กดดัน “เฟด” เร่งขึ้นดอกเบี้ย
“ดาวโจนส์” ดิ่ง 500 จุด นักลงทุนแห่ขาย วิตกอัตราเงินเฟ้อพุ่ง กดดันให้ “เฟด” เร่งขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค. พร้อมจับตาบริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศงบการเงินในสัปดาห์นี้
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปรับตัวลงกว่า 500 จุด หลุดระดับ 36,000 โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลที่ว่า อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.
ล่าสุด ณ เวลา 22.20 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,700.79 จุด ลบ 530.87 จุด หรือ 1.47% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.81% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 2.41%
โดยดัชนีทั้ง 3 ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทต่างปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ลบ 0.3%, ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.9% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 4.5% ทั้งนี้นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 6.8% ในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.9% ในเดือนพ.ย.
ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ส่วน โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น จากปัจจุบันที่พุ่งสูงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุ 1.8% ในวันนี้
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งอาจบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
โดยคาดว่าวุฒิสภาจะให้การรับรองการแต่งตั้งนายพาวเวลเป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 แม้ว่าสมาชิกวุฒิสภาบางรายมีท่าทีคัดค้านก็ตาม
ขณะที่นางเอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเสตต์ กล่าวโจมตีนายพาวเวลก่อนหน้านี้ โดยกล่าวว่านายพาวเวลเป็นบุคคลอันตรายที่บ่อนทำลายระบบธนาคารสหรัฐ และตนจะขัดขวางมิให้นายพาวเวลได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเฟดอีกสมัยหนึ่ง
“ประวัติการทำงานของคุณสร้างความกังวลใจอย่างมากต่อดิฉัน โดยหลายครั้งที่ผ่านมา คุณได้ทำให้ระบบธนาคารของเรามีความปลอดภัยน้อยลง คุณคือบุคคลอันตรายที่มากุมบังเหียนเฟด และนี่คือเหตุผลของดิฉันในการคัดค้านการดำรงตำแหน่งอีกสมัยของคุณ” นางวอร์เรนกล่าว
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์